แผลริมอ่อน (Chancroid)

แผลริมอ่อน

แผลริมอ่อน (Chancroid) เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ชนิดหนึ่ง เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียที่ชื่อว่า Haemophilus Ducreyi สามารถเกิดได้ทั้งในเพศชายและเพศหญิงและติดต่อกันได้ง่ายมาก ผู้ป่วยจะมีแผลเกิดขึ้นที่บริเวณอวัยวะเพศ ต่อมาจะพบต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบบวมโตติดกันเป็นพืดและเจ็บ โรคนี้บางครั้งเรียกว่า “ซิฟิลิสเทียม” เนื่องจากทำให้เกิดแผลได้เช่นเดียวกัน แต่จะต่างกันตรงที่แผลริมอ่อน จะมีอาการเจ็บและปวด แต่แผลซิฟิลิสจะไม่เจ็บและปวด แผลริมอ่อนสามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยการรับประทานยาปฏิชีวนะตามที่แพทย์สั่ง

แผลริมอ่อน สาเหตุเกิดจากอะไร ?

เนื้อหาสรุป

สาเหตุของแผลริมอ่อน เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย Haemophilus Ducreyi ซึ่งอาจเข้าสู่ร่างกายได้หลายทาง เช่น ทางผิวหนังที่เกิดบาดแผลหรือมือที่มีเชื้อไปสัมผัสโดนดวงตา รวมถึงการสัมผัสถูกเชื้อในขณะมีเพศสัมพันธ์ทุกรูปแบบ ทั้งการร่วมเพศทางปาก ทางทวารหนัก หรือการมีเพศสัมพันธ์แบบชายหญิงโดยปกติ ระยะฟักตัวของโรคจะอยู่ที่ประมาณ 5 – 7 วัน จึงเริ่มแสดงอาการให้เห็น

แผลริมอ่อน

แผลริมอ่อน อาการเป็นอย่างไร ?

Quicky

หลังจากได้รับเชื้อแผลริมอ่อนประมาณ 5 – 7 วัน จะเริ่มจากการเป็นตุ่มนูนและมีอาการเจ็บบริเวณอวัยวะเพศ หลังจากนั้นจะมีแผลเล็ก ๆ อาจมีหลายแผลหรือมีเพียงแผลเดียวก็ได้ แต่โดยส่วนใหญ่แล้วมักจะมีหลายแผล ต่อมาแผลเล็ก ๆ เหล่านี้จะขยายรวมกันเป็นแผลใหญ่ ลักษณะของแผลจะดูคล้ายกับแผลเปื่อย นุ่ม แฉะไม่สะอาด มีเนื้อเยื่อเละ ๆ ที่ก้นแผล ส่วนที่ขอบแผลจะนูน ไม่แข็ง และไม่เรียบ จึงเรียกโรคนี้ว่า “โรคแผลริมอ่อน

แผลริมอ่อนคล้ายกับโรคอะไรบ้าง?

แผลริมอ่อนจะมีลักษณะเหมือนกับแผลจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆได้ เช่น

  • ซิฟิลิส : ในระยะที่เป็นแผลที่อวัยวะเพศ แต่ลักษณะแผลของซิฟิลิสจะขอบนูนแข็ง ไม่เจ็บ
  • เริมอวัยวะเพศ : ลักษณะจะเป็นแผลตุ่มน้ำเล็กๆหลายๆแผล, มีลักษณะเจ็บ
  • ฝีมะม่วง : จะมีต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบบวมโต อาจข้างเดียวหรือทั้งสองข้าง, แต่มักไม่มีแผลที่อวัยวะเพศ

แผลริมอ่อน ป้องกันอย่างไร?

  • ไม่เปลี่ยนคู่นอนบ่อย
  • ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์
  • รักษาความสะอาดของร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณอวัยวะเพศ
  • หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่มีบาดแผลบริเวณอวัยวะเพศ
แผลริมอ่อน

แผลริมอ่อนรักษาอย่างไร ?

แผลริมอ่อนสามารถรักษาให้หายขาดได้ ด้วยการรับประทานยาปฏิชีวนะให้ครบถ้วนตามที่แพทย์สั่งและไม่มีพฤติกรรมสุ่มเสี่ยงซ้ำ (หากรักษาไม่ครบจะทำให้เชื้อดื้อยา) ซึ่งแพทย์จะให้การรักษาด้วยยาขนานใดขนานหนึ่งดังต่อไปนี้

  • อะซิโทรมัยซิน (Azithromycin) ขนาด 1 กรัม โดยให้รับประทานเพียงครั้งเดียว
  • โอฟล็อกซาซิน (Ofloxacin) ขนาด 400 มิลลิกรัม โดยให้รับประทานเพียงครั้งเดียว
  • เซฟไตรอะโซน (Ceftriaxone) ขนาด 250 มิลลิกรัม ด้วยการฉีดเข้ากล้ามเพียงครั้งเดียว
  • อิริโทรมัยซิน (Erythromycin) ครั้งละ 500 มิลลิกรัม วันละ 4 ครั้ง นาน 7 วัน
  • ไซโพรฟล็อกซาซิน (Ciprofloxacin) ขนาด 500 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 3 วัน (ยานี้ห้ามใช้ในสตรีตั้งครรภ์และขณะให้นมบุตร)

ดูแลตัวเองอย่างไรเมื่อเป็นแผลริมอ่อน

  • ควรพบแพทย์เพื่อรับการรักษาที่ถูกต้อง
  • รับประทานยาตามแพทย์สั่ง
  • ไม่ควรซื้อยารับประทานเอง
  • ดูแลความสะอาดบริเวณแผล
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสแผลที่อวัยวะเพศ
  • งดมีเพศสัมพันธ์ขณะมีแผลจนกว่าแผลจะหายปกติแล้ว

ขอบคุณข้อมูล : Medthai ,Pobpad ,Haamor

อ่านบทความอื่นๆเพิ่มเติม

Similar Posts

  • โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เราป้องกันได้

    โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ มีผลกระทบต่อทุกคนที่มีเพศสัมพันธ์ การติดเชื้อบางอย่างสามารถรักษาได้เพื่อให้คุณ และคู่นอนของคุณมีสุขภาพที่แข็งแรง และคุณเองสามารถป้องกันตัวเองจากการติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ STI  คืออะไร? โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (Sexually transmitted infections; STI)  คือ การติดเชื้อจากบุคคลหนึ่งไปยังอีกบุคคลหนึ่งระหว่างการมีเพศสัมพันธ์ โดยผ่านการจูบ, การสัมผัสหรือถูอวัยวะเพศ,…

  • หูดข้าวสุก | Molluscum contagiosum

    หูดข้าวสุก เกิดจากการติดเชื้อไวรัส Molluscum contagiosum virus ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสคนละชนิดกับที่ทำให้เกิดหูดทั่วไป เป็นโรคที่พบได้บ่อยทั่วโลก และจะมีอัตราการเกิดมากขึ้นในประเทศเขตร้อน พบได้ทุกเพศทุกวัย ซึ่งเชื้อไวรัสชนิดนี้สามารถเข้าไปในผิวหนังที่แตก ลอก หรือผิวหนังที่เป็นแผล และกลายเป็นหูดข้าวสุกได้ แต่จะไม่มีผลกระทบต่ออวัยวะภายใน การวินิจฉัย หูดข้าวสุก…

  • ข้อแตกต่างระหว่างหนองในแท้ และ หนองในเทียม

    หนองใน (Gonorrhoea) เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ชนิดหนึ่งที่พบได้บ่อยในปัจจุบัน ส่วนใหญ่ติดต่อกันผ่านการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน หนองในแบ่งออกได้ 2 ชนิด ได้แก่ หนองในแท้ และ หนองในเทียม โดยจะแตกต่างกันตรงที่ สาเหตุของการติดเชื้อซึ่งเกิดจากเชื้อคนละชนิดกัน อาการหนองในแท้ และ หนองในเทียม…

  • พฤติกรรมเสี่ยง แบบไหนที่อาจทำให้คุณติดซิฟิลิส

    พฤติกรรมเสี่ยง ซิฟิลิส (Syphilis) เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ชนิดหนึ่ง ซึ่งเกิดจากแบคทีเรียชนิด Treponema pallidum มีระยะฟักตัวประมาณ 2 – 4 สัปดาห์จนถึง 3 เดือน ชอบบริเวณที่มีความชื้น แพร่กระจายจากบุคคลต่อบุคคล…

  • เป็นหนองใน ซื้อยากินเองได้ไหม?

    “หนองใน” หรือที่หลายคนเรียกติดปากว่า หนองในแท้ เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงานที่มีพฤติกรรมทางเพศไม่ปลอดภัย คำถามยอดฮิตคือ “เป็นหนองใน ซื้อยากินเองได้ไหม?” คำตอบอาจไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะเกี่ยวข้องทั้งเรื่องสุขภาพ การดื้อยา และผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหากรักษาไม่ถูกวิธี หนองในคืออะไร? หนองใน (Gonorrhea) เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย…

  • Love2Test: ตัวเลือกการเข้าถึงการตรวจและรักษาเอชไอวี ในประเทศไทย

    เอชไอวีและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ยังคงเป็นปัญหาสุขภาพที่สำคัญ การตรวจหาเชื้อและการรักษาอย่างทันท่วงทีช่วยลดการแพร่ระบาดและสอดคล้องกับเป้าหมายของ UNAIDS ที่ต้องการให้ผู้ติดเชื้อ 95% ทราบสถานะของตนและได้รับการรักษาจนสามารถควบคุมปริมาณไวรัสได้ Love2Test.org แพลตฟอร์มจากมูลนิธิเพื่อรัก (Love Foundation) จึงถูกพัฒนาขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกในการตรวจเอชไอวี การรับ PrEP และ PEP รวมถึงบริการบำบัดฮอร์โมน โดยเน้นความเป็นส่วนตัว ความปลอดภัย และการจองคิวออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ แอปพลิเคชันมือถือ และ Line Official Account พร้อมเครือข่ายคลินิกทั่วประเทศเพื่อการเข้าถึงบริการที่สะดวกและเท่าเทียมบทความนี้จะนำเสนอรายละเอียดเกี่ยวกับLove2Test.org รวมถึงขั้นตอนการใช้บริการ ข้อดีของแพลตฟอร์ม และวิธีการจองคิวผ่านช่องทางต่าง ๆ เพื่อช่วยให้คุณสามารถดูแลสุขภาพของตนเองและมีส่วนร่วมในการยุติการแพร่ระบาดของเอชไอวีในประเทศไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ