เป็นหนองใน ซื้อยากินเองได้ไหม?

“หนองใน” หรือที่หลายคนเรียกติดปากว่า หนองในแท้ เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงานที่มีพฤติกรรมทางเพศไม่ปลอดภัย คำถามยอดฮิตคือ “เป็นหนองใน ซื้อยากินเองได้ไหม?” คำตอบอาจไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะเกี่ยวข้องทั้งเรื่องสุขภาพ การดื้อยา และผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหากรักษาไม่ถูกวิธี

หนองในคืออะไร?

หนองใน (Gonorrhea) เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Neisseria gonorrhoeae ซึ่งสามารถติดต่อผ่านการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน ทั้งทางช่องคลอด ทางทวารหนัก หรือแม้กระทั่งทางปาก โดยเชื้อสามารถแฝงตัวอยู่ในเยื่อเมือกของร่างกายได้หลายส่วน เช่น อวัยวะเพศ ปาก ลำคอ ทวารหนัก และตา

ความแตกต่างของ “หนองในแท้” กับ “หนองในเทียม”

  • หนองในแท้ เกิดจากเชื้อ Neisseria gonorrhoeae
  • หนองในเทียม เกิดจากเชื้อ Chlamydia trachomatis
beefhunt

แม้จะมีอาการคล้ายกัน แต่การรักษาใช้ยาคนละชนิด หากใช้ยาผิด จะไม่หาย และอาจทำให้เชื้อดื้อยา

อาการของผู้ที่ติดเชื้อหนองใน

อาการของโรคหนองในสามารถแตกต่างกันไปตามเพศ และบางคนอาจไม่มีอาการใด ๆ เลย ทำให้ไม่รู้ตัวว่ากำลังแพร่เชื้ออยู่ โดยในผู้ชาย มักมีอาการปัสสาวะแสบ ขัด หรือแสบที่ปลายอวัยวะเพศ ร่วมกับมีหนองสีเหลืองหรือเขียวไหลออกจากท่อปัสสาวะ และอาจมีอาการปวดบริเวณลูกอัณฑะหรือท้องน้อยร่วมด้วย ขณะที่ผู้หญิงอาจสังเกตได้จากตกขาวผิดปกติ มีกลิ่นเหม็นหรือมีสีเหลือง-เขียว ปัสสาวะแสบ ขัด ปวดท้องน้อยคล้ายอาการก่อนมีประจำเดือน เจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์ และอาจมีเลือดออกผิดปกติระหว่างรอบเดือน

นอกจากนี้ โรคหนองในยังสามารถแสดงอาการทางอวัยวะอื่น ๆ หากติดเชื้อผ่านช่องทางที่แตกต่างกัน เช่น มีอาการเจ็บคอหรือมีหนองในลำคอจากการมีออรัลเซ็กส์ ปวดหรือมีเลือดและตกขาวทางทวารหนักหากมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก หรือเกิดการติดเชื้อที่ตาหากเชื้อสัมผัสกับดวงตา ทำให้ตาแดงและระคายเคือง การไม่มีอาการชัดเจนในบางคนยิ่งเน้นย้ำความสำคัญของการตรวจหาโรคอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยง.

เป็นหนองใน ซื้อยากินเองได้ไหม?

คำตอบสั้น ๆ: ไม่ควรซื้อยากินเองโดยเด็ดขาด แม้ว่าคุณจะสามารถหาซื้อยาปฏิชีวนะจากร้านขายยาได้ง่าย ๆ โดยไม่ต้องใช้ใบสั่งแพทย์ แต่อันตรายที่อาจตามมา มีมากกว่าที่คุณคิด

เหตุผลที่ไม่ควรรักษาหนองในด้วยตนเอง

1. รักษาไม่ตรงกับเชื้อ

การวินิจฉัยโรคทางเพศสัมพันธ์ต้องใช้การตรวจพิเศษ เช่น

  • การเก็บสารคัดหลั่งจากอวัยวะที่ติดเชื้อ
  • การเพาะเชื้อ
  • หรือใช้ชุดตรวจทางห้องปฏิบัติการ

หากคุณใช้ยาที่ไม่ตรงกับเชื้อ เช่น รักษาหนองในแท้ด้วยยาสำหรับหนองในเทียม จะไม่หาย และเสี่ยงติดเชื้อซ้ำซ้อน

2. เสี่ยงเชื้อดื้อยา

เชื้อหนองในเป็นหนึ่งในเชื้อที่กำลัง “ดื้อยา” มากขึ้นทั่วโลก การใช้ยาผิด ขนาดไม่เหมาะสม หรือกินยาไม่ครบ ทำให้เชื้อปรับตัวและดื้อยาง่ายขึ้น ส่งผลให้รักษายากขึ้นในอนาคต

3. ทำให้อาการลุกลาม

หากรักษาไม่หาย เชื้อสามารถแพร่กระจายไปยังอวัยวะภายใน เช่น

  • ในผู้หญิง: ท่อนำไข่ มดลูก ทำให้เป็น โรคอุ้งเชิงกรานอักเสบ และเสี่ยงต่อ ภาวะมีบุตรยาก
  • ในผู้ชาย: ต่อมลูกหมากอักเสบ หรืออัณฑะอักเสบ

4. แพร่เชื้อโดยไม่รู้ตัว

บางคนเข้าใจผิดว่ากินยาแล้ว “หาย” แต่จริง ๆ แล้วเชื้อยังอยู่ในร่างกาย ทำให้แพร่เชื้อให้ผู้อื่น และกลายเป็นวงจรติดเชื้อไม่รู้จบ

แนวทางการรักษาหนองในที่ถูกต้อง

แนวทางการรักษาหนองในที่ถูกต้อง

1. ตรวจให้แน่ใจก่อนว่าเป็นหนองใน

การตรวจวินิจฉัยสามารถทำได้โดย:

  • ตรวจจากปัสสาวะ
  • เก็บสารคัดหลั่งจากท่อปัสสาวะ ช่องคลอด คอ หรือทวารหนัก
  • ตรวจร่วมกับโรคอื่น เช่น HIV, ซิฟิลิส, คลามัยเดีย

2. รักษาด้วยยาปฏิชีวนะจากแพทย์

แพทย์จะให้ยาตามแนวทางเวชปฏิบัติ เช่น:

  • Ceftriaxone 500 mg ฉีดเข้ากล้าม 1 เข็ม
  • ร่วมกับ Azithromycin 1-2 เม็ด กินครั้งเดียว

การรักษาแบบนี้สามารถจัดการได้ทั้งหนองในแท้และเทียมในกรณีที่สงสัยการติดเชื้อร่วม

3. ห้ามมีเพศสัมพันธ์ระหว่างการรักษา

ควรงดกิจกรรมทางเพศอย่างน้อย 7 วันหลังจากรักษาเสร็จ และควรพาคู่ของคุณมารักษาด้วยเสมอ

4. ติดตามผลการรักษา

หากยังมีอาการหลัง 1 สัปดาห์ ควรกลับไปพบแพทย์เพื่อตรวจซ้ำ หรือหากเป็นการติดเชื้อซ้ำซ้อน อาจต้องปรับสูตรยา

จะทำอย่างไรถ้าอาย ไม่กล้าไปตรวจ?

ปัจจุบันมีหลายช่องทางที่ทำให้คุณ สามารถตรวจโรคติดต่อได้โดยไม่ต้องเปิดเผยชื่อ เช่น

  • คลินิกนิรนาม ในหลายจังหวัดของไทย
  • คลินิกเอกชนเฉพาะทาง เช่น ฮักษาคลินิก (เชียงใหม่), Pulse Clinic (กรุงเทพฯ)
  • แพลตฟอร์มออนไลน์จองคิวตรวจ เช่น Love2Test.org

ข้อดี:

  • ไม่ต้องใช้บัตรประชาชน
  • ปลอดภัย ได้ผลแม่นยำ
  • มีแพทย์ให้คำปรึกษา
  • บางแห่งมีบริการปรึกษาออนไลน์ก่อนเดินทางไปตรวจ

ป้องกันหนองในอย่างไร?

  1. ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์
  2. หลีกเลี่ยงเปลี่ยนคู่นอนบ่อย
  3. ตรวจสุขภาพเป็นประจำ โดยเฉพาะหากมีพฤติกรรมเสี่ยง
  4. ให้ความรู้เรื่องเพศศึกษากับตนเองและคนรอบข้าง
  5. ไม่อายที่จะพูดเรื่องโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

สรุป: อย่าซื้อยากินเองถ้าคุณสงสัยว่าเป็นหนองใน

การซื้อยากินเองอาจดูสะดวก รวดเร็ว และไม่ต้องเผชิญหน้ากับความอาย แต่ผลกระทบที่ตามมาอาจรุนแรงกว่าที่คุณคิด ทั้งต่อสุขภาพของตัวคุณเอง และต่อสังคมโดยรวม

หากคุณสงสัยว่าตัวเองเป็นหนองใน หรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ชนิดใดก็ตาม ควรเข้ารับการตรวจจากแพทย์หรือคลินิกเฉพาะทางโดยเร็วที่สุด

การรักษาอย่างถูกต้อง ไม่เพียงช่วยให้หายไว แต่ยังป้องกันการแพร่เชื้อ และลดปัญหาเชื้อดื้อยาในอนาคต

อ้างอิง

  1. กรมควบคุมโรค. (2566). โรคหนองใน (Gonorrhea). กระทรวงสาธารณสุข. สืบค้นจาก https://ddc.moph.go.th
  2. ศูนย์ความรู้โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์. (2565). แนวทางการวินิจฉัยและรักษาโรคหนองใน. โรงพยาบาลบำราศนราดูร.
  3. World Health Organization (WHO). (2023). Sexually transmitted infections (STIs). Retrieved from https://www.who.int/news-room/fact-sheets/detail/sexually-transmitted-infections-(stis)
  4. Centers for Disease Control and Prevention (CDC). (2023). Gonorrhea – CDC Fact Sheet (Detailed). Retrieved from https://www.cdc.gov/std/gonorrhea
  5. Mayo Clinic. (2023). Gonorrhea: Symptoms and causes. Retrieved from https://www.mayoclinic.org
  6. Pulse Clinic. (2024). การรักษาโรคหนองในและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในประเทศไทย. สืบค้นจาก https://www.pulse-clinic.com
  7. Love2Test.org. (2025). จองตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์แบบไม่เปิดเผยชื่อ. สืบค้นจาก https://love2test.org

Similar Posts