วิธีการรับมือกับผลข้างเคียงของยาต้านไวรัสเอชไอวี

ผลข้างเคียงของยาต้านไวรัสเอชไอวี

ยาต้านไวรัสเอชไอวี ถือเป็นหัวใจสำคัญของการรักษาโรคติดเชื้อไวรัสเอชไอวี โดยแพทย์จะพิจารณาให้ผู้ป่วยเริ่มกินยาต้านไวรัสเอชไอวีโดยเร็วที่สุด เพื่อเป็นการรักษาตัวผู้ติดเชื้อไวรัสเอชเอชไอวีเอง และเป็นการป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสเอชไอวีไปสู่ผู้อื่น 

ยาต้านไวรัสคือ

เนื้อหาสรุป

ยาต้านไวรัสเอชไอวีเป็นยาที่ออกฤทธิ์ยับยั้งหรือต้านการแบ่งตัวของเชื้อเอชไอวี ช่วยป้องกันไม่ให้เชื้อไวรัสเข้าไปทำลายเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิด T-cell มีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อได้สูงสุดถึง 99% หากมีการใช้อย่างถูกวิธี

Quicky

Exposure prophylaxis เป็นยาที่ทานเพื่อป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี เท่านั้น ไม่ได้รวมถึงโรคอื่น โดยก่อนการรับยาต้องมีการประเมินความเสี่ยงจากประวัติของคนไข้ว่าตรงตามเงื่อนไขการรับยาหรือไม่ ประกอบกับการตรวจเลือดตามมาตรฐานสากล(คนไข้ที่จะรับยาจะต้องมีผล เอชไอวี เป็นลบ) และยาในกลุ่มนี้ต้องพิจารณาจ่ายโดยแพทย์เท่านั้น

ซึ่งจะใช้ช่วงก่อนหรือหลังจากการสัมผัสเชื้อเอชไอวี สำหรับยาที่รับประทานเพื่อลดความเสี่ยงก่อนการติดเชื้อนั้น เรียกว่ายา PrEP ซึ่งย่อมาจาก Pre-Exposure Prophylaxis (ยาต้านก่อนเสี่ยง) และยาที่รับประทานเพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อหลังจากสัมผัสเชื้อนั้น เรียกว่ายา PEP โดยย่อมาจาก Post -Exposure Prophylaxis (ยาต้านฉุกเฉิน)

ยาต้านไวรัสเอชไอวีมี 4 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ

  1. Reverse transcriptase inhibitors ยับยั้งขบวนการคัดลอก RNA ไปเป็น DNA ของไวรัส (reverse transcription) ยากลุ่มนี้ยังแบ่งย่อยเป็นกลุ่ม
    • Nucleoside reverse transcriptase inhibitors (NRTIs) ได้แก่ Abacavir (ABC), Didanosine (ddI), Emtricitabine (FTC), Lamivudine (3TC), Stavudine (d4T), Tenofovir (TDF), Zalcitabine (ddC), Zidovudine (AZT)
    • Non-nucleoside reverse transcriptase inhibitors (NNRTIs) ได้แก่ Delavirdine (DLV), Efavirenz (EFV), Etravirine (ETR), Nevirapine (NVP), Rilpivirine (RPV)
  2. Protease inhibitors (PIs) ยับยั้งการสร้างโปรตีนของไวรัส ยากลุ่มนี้ได้แก่ Darunavir (DRV), Indinavir (IDV), Nelfinavir (NFV), Ritonavir (RTV), Saquinavir (SQV), Kaletra® (lopinavir/ritonavir, LPV/r), Reyataz® (atazanavir/ritonavir, ATV/r) เป็นต้น
  3. Integrase strand transfer inhibitors (INSTIs) ยับยั้งไม่ให้ DNA ของไวรัสรวมตัวกับ DNA ของคน ยากลุ่มนี้ได้แก่ Dolutegravir (DTG), Elvitegravir (EVG), Raltegravir (RAL) เป็นต้น
  4. Entry/Fusion inhibitors ยับยั้งไม่ให้ไวรัสเข้าเซลล์ได้ ยากลุ่มนี้ได้แก่ Enfuvirtide (INN), Maraviroc (EVG) เป็นต้น

3. ผลข้างเคียงของยาต้านไวรัสเอชไอวี แต่ละชนิด ดังนี้

Zidovudine (AZT, ZDV) ยาต้านไวรัสที่ช่วยไม่ให้เชื้อเอชไอวีเพิ่มจำนวน และใช้ขณะตั้งครรภ์ เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้หญิงที่ติดเชื้อเอชไอวีถ่ายทอดเชื้อไปยังทารก

ผลข้างเคียง

  • • คลื่นไส้ อาเจียน
  • • เป็นไข้ เจ็บคอ
  • • ปวดศีรษะ
  • • โลหิตจาง
  • • ลมพิษ
  • • หายใจติดขัด 
  • • บวมที่ใบหน้า ริมฝีปาก ลิ้น หรือลำคอ
  • • เม็ดเลือดขาวนิวโทรฟิลต่ำ
  • •แสบร้อนที่ดวงตา ปวดผิว
  • • ผิวและเล็บอาจมีสีคล้ำ

Lamivudine (3TC) เป็นยาต้านไวรัสในกลุ่มเอ็นอาร์ทีไอ (Nucleoside Reverse Transcriptase Inhibitors: NRTI) ที่ออกฤทธิ์ช่วยลดจำนวนเชื้อเอชไอวีในร่างกายของผู้ป่วยติดเชื้อ ซึ่งจะช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้ดีขึ้น และลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากเชื้อเอชไอวี เช่น การติดเชื้อบางชนิด และมะเร็ง เป็นต้น 

“ChatLove2test"

ผลข้างเคียง

  • • คลื่นไส
  • • ปวดศีรษะ
  • • ตับออนอักเสบ

Didanosine (ddI) ใช้ในการรักษาภาวะติดเชื้อไวรัสเอชไอวีซึ่งทำให้เกิดโรคเอดส์หรือภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง (AIDS) ยาไดดาโนซีนไม่สามารถรักษาภาวะติดเชื้อไวรัสเอชไอวี หรือภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องให้หายขาดได้ แต่อาจช่วยชะลอการดำเนินไปของโรคได้

ผลข้างเคียง

  • • คลื่นไส
  • • อาเจียน
  • • ท้องเสีย
  • • ชาปลายมือ ปลายเท้า
  • • ตับอ่อนอักเสบ

Stavudine (d4T) รักษาโรคตดิเช้ือ HIV ซ่ึงไมส่ ามารถทนตอ่ หรือด้ือตอ่ ยาอื่นๆ หรือใช้ยาอื่นไม่ ได้ผล

“PrEPLove2test"

ผลข้างเคียง

  • • ชาปลายมือ ปลายเท้า
  • • ระดับแลคเตทในเลือดสูง
  • • ตับออนอักเสบ
  • • แก้มตอบ ไขมันใต้ผิวหนังลดลง
  • • ระดับไขมันในเลือดสูง

Abacavir (ABC) ป็นยาต้านไวรัสในกลุ่มเอ็นอาร์ทีไอ (Nucleoside Reverse Transcriptase Inhibitors: NRTI) ที่แพทย์นำมาใช้ร่วมกับยารักษาการติดเชื้อเอชไอวีชนิดอื่น ออกฤทธิ์ลดจำนวนเชื้อเอชไอวีในร่างกายของผู้ป่วยที่ติดเชื้อ ซึ่งช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้ดียิ่งขึ้น และยังลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากเชื้อเอชไอวีอย่างการติดเชื้ออื่น ๆ และการเกิดมะเร็ง 

ผลข้างเคียง

  • • คลื่นไส้
  • • อาเจียน
  • • ท้องเสีย
  • • ภาวะภูมิไวเกิน

Tenofovir (TDF) เป็นยาต้านไวรัส ใช้รักษาการติดเชื้อเอชไอวี และการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเรื้อรัง อาจใช้ร่วมกับยาตัวอื่น ๆ เพื่อรักษาควบคู่กัน แต่ยานี้อาจไม่ได้ฆ่าเชื้อไวรัสทั้งหมด เพียงแต่ช่วยควบคุมโรคเท่านั้น

ผลข้างเคียง

  • • คลื่นไส้
  • • อาเจียน
  • • ท้องอืด แน่นท้อง
  • • ท้องเสีย

Tenofovir+emtricitabine (TDF/FTC) ยาทั้ง 2 ชนิดนี้จะอยู่ในรูปของยาสูตรผสมที่ต้องรับประทานคู่กันเพื่อเสริมประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี

ผลข้างเคียง

  • • คลื่นไส้
  • • อาเจียน
  • • ท้องอืด แน่นท้อง
  • • ท้องเสีย
  • • ปวดศีรษะ
Efavirenz (EFV)

Efavirenz (EFV) เป็นยาต้านไวรัสที่ใช้รักษาการติดเชื้อเอชไอวี โดยยาจะช่วยลดปริมาณเชื้อเอชไอวีในร่างกายและทำให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้ดีขึ้น รวมทั้งลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการติดเชื้อเอชไอวีอย่างมะเร็งหรือการติดเชื้ออื่น ๆ 

ผลข้างเคียง

  • • วิงเวียนศีรษะ
  • • ง่วงนอน
  • • อาการนอนไม่หลับ
  • • อาการสับสน 

Etravirine (ETR) เป็นยาใหม่ในกลุ่ม non-nucleoside reverse transcriptase inhibitor (NNRTI) ที่กำลังพัฒนาสำหรับใช้ในการรักษาผู้ที่ติดเชื้อเอชไอวี

ผลข้างเคียง

  • • ผื่นแพ้ อาจรุนแรง ถึง Steven Johnson Syndrome
    • ภาวะภูมิไวเกิน 
  • • คลื่นไส้ 

Nevirapine (NVP) รักษาอาการติดเชื้อเอชไอวี เป็นยาในกลุ่ม nucleoside reverse transcriptase inhibitor

ผลข้างเคียง

  • • ผื่นแพ้ อาจรุนแรง ถึง Steven Johnson Syndrome
  • • ตับอักเสบ อาจรุนแรงถึงตับวายเฉียบพลัน

Rilpivirine (RPV) เป็นยากลุ่ม non-nucleoside reverse transcriptase inhibitors (NNRTIs)

ผลข้างเคียง

  • • ปวดศีรษะ
  • • อาการนอนไม่หลับ
  • • ผื่นแพ้ 
    • ซึมเศร้า 

Atazanavir sulfate (ATV)  ใช้สำหรับการรักษา, ควบคุม, ป้องกันและรักษาอาการและสภาพของการติดเชื้อเอชไอวีให้ดีขึ้น

ผลข้างเคียง

  • • ภาวะตัวเหลือง 
  • • คลื่นไส้
  • • ผื่นแพ้ 
  • • ท้องเสีย
  • • ปวดศีรษะ 

Ritonavir (RTV) เป็นยาต้านไวรัสที่มักใช้ร่วมกับยาชนิดอื่นเพื่อรักษาการติดเชื้อเอชไอวี (HIV) โดยตัวยาจะออกฤทธิ์ลดปริมาณเชื้อเอชไอวี ส่งผลให้การทำงานของระบบภูมิคุ้มกันดีขึ้น ช่วยลดโอกาสของการเกิดภาวะแทรกซ้อนของการติดเชื้อเอชไอวีอย่างการติดเชื้อต่าง ๆ และโรคมะเร็ง 

ผลข้างคียง

  • • Gastrointestinal side effect คลื่นไส้ , อาเจียน, ท้องเสีย
  • • ระดับไขมันในเลือดสูง 
  • • ระดับไตรกลีเซอร์ไรด์ในเลือดสูง 
  • • ระดับน้ำตาลในเลือดสูง  

Lopinavir/ritonavir (LPV/r) ใช้ร่วมกับยาต้านรีโทรไวรัสตัวอื่นๆ ในการรักษา ผู้ป่วยติดเชื้อ HIV-1

ผลข้างเคียง

  • • คลื่นไส
    • อาเจียน
    • ท้องเสีย
    • ระดับไขมันในเลือดสูง  
  • • ระดับไตรกลีเซอร์ไรด์ ในเลือดสูง 
    • ระดับน้ำตาลในเลือดสูง 

Darunavir (DRV)  เป็นยาต้านไวรัสอยู่ในกลุ่ม ยับยั้งเอนไซม์โปรตีเอส ใช้รักษาโรคติดเชื้อ HIV-1

ผลข้างเคียง

  • • ผื่นแพ้ 
  • • คลื่นไส้
  • • ท้องเสีย
  • • ปวดศีรษะ 

Saquinavir (SQV) ใช้ร่วมกับยาริโทนาเวียร์ (ritonavir) และยารักษาโรคเอชไอวีอื่นๆ เพื่อควบคุมอาการติดเชื้อเอชไอวี โดยลดปริมาณของเชื้อเอชไอวีในร่างกาย เพื่อให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้ดีขึ้น ช่วยลดโอกาสของการเกิดอาการแทรกซ้อนของเอชไอวี

ผลข้างเคียง

  • • ท้องเสีย
  • • คลื่นไส้
  • • ปวดท้อง 

Maraviroc (MVC) ป็นยาต้านไวรัสในกลุ่มตัวรับ CCR5 ที่ใช้ในการรักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวี 

ผลข้างเคียง

  • • ปวดท้อง 
    • ไอ 
    • วิงเวียนศีรษะ 
    • ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ 
    • อาการไข้ ตัวร้อน  
  • • ผื่น 

Raltegravir (RAL) ซึ่งเป็นยาในกลุ่ม Integrase inhibitor ในการรักษาผู้ป่วยติดเชื้อ HIV-1 ที่ยังไม่เคยได้รับยารักษามาก่อน

ผลข้างเคียง

  • • ผื่นแพ้ อาจรุนแรง ถึง Steven Johnson Syndrome
  • • ภาวะภูมิไวเกิน 
  • • คลื่นไส้
  • • ปวดศีรษะ 
  • • ท้องเสีย
  • • อาการไข้ ตัวร้อน 
อาการข้างเคียงในระยะสั้นและไม่รุนแรง

สรุปอาการข้างเคียงจากการกินยาต้านไวรัสเอชไอวี

  • อาการข้างเคียงในระยะสั้นและไม่รุนแร พบได้และอาการก็จะค่อย ๆ ดีขึ้น ภายในเวลาประมาณ 2 – 3 เดือน เช่น ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ท้องอืด นอนไม่หลับ ฝันร้าย มีผื่นขึ้นเล็กน้อย 
  • อาการข้างเคียงในระยะสั้นและรุนแรง เช่น ภาวะซีด ตับหรือตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน ชาปลายมือปลายเท้า นิ่วในไต ซึ่งอาจพบได้ทุกช่วงของการกินยา และอาจทำให้เสียชีวิตได้ถ้าไม่รีบแก้ไข
  • ดังนั้น ต้องมีการติดตามอาการเหล่านี้อย่างใกล้ชิด โดยมีการตรวจสุขภาพ และผลวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการเป็นระยะ โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีประวัติเป็นโรคตับอักเสบ หรือมีโรคประจำตัวอื่น ๆ ที่อาจเกี่ยวข้องได้ ต้องให้ข้อมูลแก่แพทย์ให้มากที่สุดเพื่อประโยชน์ของตัวผู้ป่วยเอง
  • อาการข้างเคียงในระยะยาว มักพบหลังจากกินยาเป็นเวลานาน ส่วนใหญ่ตั้งแต่ 1 ปี ขึ้นไป บางรายพบได้ในระยะเวลาไม่ถึง 1 ปี  อาการข้างเคียงในระยะยาว เช่น น้ำตาลในเลือดสูง ทำให้หิวน้ำบ่อย ปัสสาวะบ่อย การกระจาย และสะสมของไขมันผิดปกติและผิดที่ มีไขมันพอกที่ต้นคอ ลำตัวอ้วน แขนขาลีบ แก้มตอบ

บทความที่เกี่ยวข้อง

ยาต้านไวรัสเอไชวี (ARV) คืออะไร

ตรวจเอชไอวีไม่เจอ มาจากสาเหตุใดบ้าง?

อ้างอิงข้อมูลจากเว็บไซต์ :

  • ยาต้านไวรัสเอดส์ (Antiretrovirals) http://mutualselfcare.org/medicine/medicative/antiretrovirals.aspx?M=k&G=a
  • ยาต้านเอชไอวี
    http://www.thaiaidssociety.org/images/PDF/bms_arvdrug.pdf
  • อาการข้างเคียงและอาการแพ้ยา
    https://www.mplusthailand.com/hivaids/ยาต้านไวรัส/อาการข้างเคียงและอาการ/

Similar Posts

  • 6 เหตุผลที่ทำไมเราถึงควรตรวจเอชไอวี

    การตรวจเอชไอวี ในปัจจุบันมีความสะดวกสบายขึ้นเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากที่คุณจะตรวจได้ฟรีปีละ 2 ครั้งที่โรงพยาบาลรัฐทั่วประเทศแล้ว คุณยังสามารถรู้ผลได้อย่างรวดเร็วภายในวันเดียวอีกด้วย ทำให้ไม่ต้องเสียเวลารอนานเหมือนอย่างแต่ก่อน การตรวจเอชไอวีจึงเข้าถึงได้ง่าย แต่หลายคนยังคงลังเล ไม่กล้าที่จะไปตรวจเลือดแม้จะมีความเสี่ยงสูงก็ตาม วันนี้ เรามีเหตุผล 6 ข้อดี ๆ ที่เพราะอะไรเราจึงควรตรวจเอชไอวีมาฝากครับ…

  • /

    โรคติดเชื้อฉวยโอกาส ในผู้ป่วยเอชไอวีที่พบได้บ่อย

    การติดเชื้อโรคฉวยโอกาส หรือภาวะแทรกซ้อน ที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นกับคนปกติทั่วไป แต่จะเกิดขึ้นเมื่อร่างกายมีภูมิคุ้มกันต่ำลง หรือภูมิคุ้มกันบกพร่อง ซึ่งผู้ติดเชื้อเอชไอวี/ผู้ป่วยโรคเอดส์ อาจป่วยด้วยโรคติดเชื้อฉวยโอกาส ได้พร้อมกันมากกว่า 1 โรค โรคติดเชื้อฉวยโอกาส หรือภาวะแทรกซ้อน คือ ผู้ติดเชื้อเอชไอวี/ผู้ป่วยโรคเอดส์ จะมีโรคติดเชื้อฉวยโอกาส หรืออาการภาวะแทรกซ้อนระยะเริ่มต้น…

  • /

    เพร็พ (PrEP) ป้องกันการติดเชื้อ HIV จริงหรือ

    เพร็พ (PrEP) ย่อมาจาก Pre-Exposure Prophylaxis คือยาที่ใช้ในการป้องกันเชื้อเอชไอวี (HIV) ก่อนการสัมผัสโรค หรือสำหรับผู้ที่ยังไม่ได้รับหรือสัมผัสเชื้อ HIV แต่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อสูง เช่น ไม่ใส่ถุงยางอนามัยในขณะมีเพศสัมพันธ์ มีคู่นอนหลายคน ใช้เข็มฉีดยาร่วมกับคนอื่น ซึ่งมีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อประมาณร้อยละ…

  • เซ็กส์ประตูหลัง เสี่ยง HIV มากกว่า

    มันไม่ใช่เรื่องผิดหรอกนะถ้าคุณอยากจะมี เซ็กส์ประตูหลัง เพราะมันไม่ได้เป็นสิ่งที่แปลกประหลาดอะไรในสมัยนี้ ด้วยเรื่องเพศที่มีอยู่ไม่จำกัดแล้วในปัจจุบัน หรือแม้แต่ชายจริงหญิงแท้ ก็รู้สึกว่าการมี เซ็กส์ประตูหลัง เป็นรสนิยมทางเพศที่ตื่นเต้นเร้าใจ ไม่แพ้กับการสอดใส่ทางช่องคลอดปกติเลยก็ว่าได้ แต่คุณต้องเข้าใจก่อนว่า การมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักนั้น นำมาซึ่งความเสี่ยงต่อโรคมากกว่าเราจึงควรเรียนรู้ในการป้องกันไว้ด้วยจะได้มีกิจกรรมทางเพศอย่างปลอดภัย เซ็กส์ประตูหลัง ดีอย่างไร การมีเซ็กส์ทางทวารหนัก เป็นกิจกรรมทางเพศที่บริเวณหูรูดทวารหนัก…

  • รู้จัก HIV และวิธีป้องกัน

    ไวรัสเอชไอวี หรือ Human Immunodeficiency Virus (HIV) เป็นไวรัสชนิดที่โจมตีระบบภูมิคุ้มกันของมนุษย์ โดยเฉพาะเซลล์ CD4 ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการต่อสู้กับการติดเชื้อและโรคต่างๆ ตลอดเวลา หากปล่อยไว้โดยไม่ได้รับการรักษาไวรัสเอชไอวี อาจทำให้เกิดโรคเอดส์ (AIDS) ซึ่งเป็นโรคที่ระบบภูมิคุ้มกันถูกทำลายอย่างรุนแรง และไม่สามารถต่อต้านการติดเชื้อได้ ในขณะที่คนที่มีระบบภูมิคุ้มกันร่างกายที่แข็งแรงจะสามารถต่อสู้กับเชื้อโรคเหล่านี้ได้ดีกว่า การศึกษาและ รู้จัก HIV จึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก

  • CD4 ถูกทำลายจะเป็นอย่างไร ?

    CD4 ย่อมาจากคำว่า Cluster of Differentiation 4 บางครั้งถูกเรียกว่า T-cells หรือ T-helper cells CD4คือ เซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดหนึ่ง ที่มีหน้าที่ควบคุม และต่อสู้กับเชื้อโรค และมีบทบาทในการจัดระบบภูมิต้านทานของร่างกายต่อการติดเชื้อ แบคทีเรีย…