เพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัยเป็นไปได้หรือไม่ 

เพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัยเป็นไปได้หรือไม่ 
เพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัยเป็นไปได้หรือไม่ 

เรื่องเพศสัมพันธ์เป็นเรื่องใหญ่ และสำคัญของทุกคน การป้องกันก็เป็นเรื่องสำคัญเช่นเดียวกัน การมีเพศสัมพันธ์ ยังไงให้ปลอดภัย เพื่อการป้องกันและลดความเสี่ยงการติดต่อของโรคทางเพศสัมพันธ์

เพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย (Safe Sex) คืออะไร 

คือ การมีเซ็กซ์ หรือเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย ซึ่งคนส่วนใหญ่คิดว่ามีเพียงแค่การใช้ถุงยางอนามัยเมื่อมีเพศสัมพันธ์ แต่ความจริงแล้วการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัยมีมากกว่านั้น อย่างเช่น การสำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง หรือที่เราเรียกกันง่ายๆ ว่าการช่วยตัวเอง ซึ่งวิธีอย่างหนึ่งเป็นเรื่องธรรมชาติ ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ ร้ายแรง หรือน่ารังเกียจ

ทำไมต้องมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย (Safe Sex)

การ Safe Sex หรือการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัยนั้น เพื่อเป็นการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ต่าง ๆ เช่น การติดเชื้อเอชไอวี, โรคเอดส์, ซิฟิลิส, หนองใน ฯลฯ หรือช่วยในการคุมกำเนิด ตั้งท้องในขณะที่ยังไม่พร้อม 

การมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัยเป็นไปได้หรือไม่ 

เป็นไปได้ หากเรามีความรู้ และการเข้าใจในการมีเซ็กซ์ หรือเพศสัมพันธ์ อย่างถูกต้อง ทำให้เรามีเพศสัมพันธ์ อย่างปลอดภัยจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

เพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย มีแบบไหนบ้าง?

แบบที่ 1 ก่อนที่จะมีเพศสัมพันธ์กับใครได้โปรดตรวจเลือดเพื่อความชัวร์! 

แม้ว่าเราจะมั่นใจในตัวเอง หรือไว้ใจในคู่นอนของเรามากแค่ไหน แต่การตรวจเลือดก่อนมีเพศสัมพันธ์ก็จะชัวร์และปลอดภัยมากกว่า เพราะการที่เราตรวจเลือดก่อนมีเพศสัมพันธ์ก็เพื่อป้องกันการติดเชื้อจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เราสามารถตรวจได้จากเลือดนั้นเอง เช่น โรคเอดส์ โรคซิฟิลิส หรือโรคไวรัสตับอักเสบชนิดบี ที่ติดแล้วรักษายากมาก ๆ ซึ่งสามารถตรวจได้ตามโรงพยาบาลทั่วไปเลย ฉะนั้นก่อนมีเพศสัมพันธ์เราอยากจะแนะนำให้ตรวจเลือดก่อนทุกครั้งเพื่อเขาเพื่อเราจะได้ปลอดภั

แบบที่ 2 เพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย ด้วยถุงยางอนามัยสำหรับผู้ชาย

ถุงยางอนามัยของผู้ชายนั้นเป็น Safe Sex แบบเบสิก ถ้าใช้ถูกวิธีรับรองว่าปลอดภัย 100% และหาซื้อง่าย ราคาไม่แพง เพราะนอกจากจะสามารถช่วยป้องกันเราจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์แล้ว ยังสามารถคุมกำเนิดได้ดีอีกด้วย

ข้อดีของการใช้ถุงยางอนามัย

สามารถป้องกันเราจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หรือการคุมกำเนิดได้ 100% ถ้าถุงยาง ไม่รั่ว ไม่ขาด ไม่หมดอายุ ฉะนั้นเช็กดี ๆ ก่อนสวม ราคาไม่แพง หาซื้อง่ายตามร้านสะดวกซื้อ เปิดขายกันตลอด 24 ชั่วโมง

ไม่มีผลข้างเคียงต่อสุขภาพหรือภาวะแทรกซ้อนด้วย

ข้อควรระวังในการใช้ถุงยาง

อาจทำให้เกิดการแพ้สารเคมีในถุงยางได้ และอาจทำให้ถุงยางรั่วหรือแตก ระวังกันด้วยน้าา เช็กวันหมดอายุ รวมถึงเช็กขนาด รอยขาด รอยรั่วด้วยเพื่อความปลอดภัยของเรา


แบบที่ 3 เพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย ด้วยถุงยางอนามัยสำหรับผู้หญิง

ถุงยางอนามัยของผู้หญิงมีความปลอดภัยสูง แต่ก็มีความเสี่ยงสูงที่จะหลุดเข้าไปในช่องคลอดเช่นกัน และมีราคาแพงกว่าถุงยางของผู้ชาย ถุงยางผู้หญิงทำจากพลาสติกที่เรียกว่าโพลียูรีเทน (Polyurethane) ซึ่งมีขนาดบางมากก อ่อนนุ่ม ผู้หญิงทุกคนสามารถใช้ได้ แต่สำหรับคนที่แพ้สารโพลียูรีเทนหรือยางสังเคราะห์ หรืออวัยวะเพศมีความผิดปกติ ใส่ไม่พอดีหรือหลวมไปควรหลีกเลี่ยงโดยเด็ดขาด

ข้อดีของการใช้ถุงยางผู้หญิง

ช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์, สามารถป้องกันการตั้งท้องได้ ถ้าใช้อย่างถูกต้อง, สามารถใช้ได้ขณะมีประจำเดือน ตั้งครรภ์ และไม่มีผลข้างเคียงจากการใช้งาน

ข้อควรระวังในการใช้ถุงยาง 

แกะถุงยางอนามัยออกจากซองอย่างระมัดระวังเพื่อป้องกันการฉีกขาด โดยส่วนวงแหวนที่มีขอบยางหนาจะถูกสอดใส่ไว้ในอวัยวะเพศหญิง และวงแหวนที่มีขอบยางบางจะอยู่ที่ปากช่องคลอด ควรตรวจสอบว่าถุงยางไม่พลิกตัว หรือพับงอ และปลายเปิดของถุงยางอยู่ที่ปากอวัยวะเพศ

ควรถอดถุงยางผู้หญิงโดยการบิดวงแหวนด้านนอกหรือปลายเปิดของถุงยาง และดึงออกจากอวัยวะเพศ ห้ามใช้ทั้งถุงยางผู้หญิงและถุงยางผู้ชายขณะร่วมเพศ เพราะอาจเกิดการเสียดสีกันจนฉีกขาดได้

ถุงยางอนามัยของผู้หญิงสามารถใช้ได้กับสารหล่อลื่นทุกประเภท แต่ห้ามใช้วาสลีน หรือน้ำมัน

แบบที่ 4 เพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย ด้วยการทานยาคุมกำเนิดชนิดเม็ด 

เป็นตัวเลือกของผู้หญิง ที่นิยมใช้กันมาก คือ ยาคุมกำเนิด แต่ไม่ป้องกันการติดโรคทางเพศสัมพันธ์ ฉะนั้นอย่าลืมใช้ถุงยางทุกครั้งด้วย แต่ยาคุมชนิดเม็ดก็ยังเป็นที่นิยมอยู่

  • ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม ประกอบด้วย ฮอร์โมนเอสโตรเจน และโปรเจสเตอโรน ตัวนี้เป็นชนิดที่เราแนะนำเพราะมีผลข้างเคียงน้อยกว่าตัวอื่น ๆ
  • ยาคุมกำเนิดชนิดเม็ดแบบฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน แบบเดี่ยว เหมาะกับคนที่อยู่ช่วงให้นมลูก 
  • ยาคุมกำเนิดชนิดเม็ดแบบฉุกเฉิน ไม่แนะนำให้ทาน แต่ควรใช้เฉพาะกรณีฉุกเฉินมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ได้ป้องกัน หรือการคุมกำเนิดที่ใช้อยู่ผิดพลาด เช่น ถุงยางแตก รั่วหรือหลุด เท่านั้น

ข้อดีของการทายาคุมชนิดฮอร์โมนรวม

ทานง่าย สะดวก หาซื้อได้ง่าย ตามร้านขายยาทั่วไป ไม่เป็นอุปสรรคระหว่างการมีเพศสัมพันธ์

ข้อควรระวังในการทานยาคุมชนิดฮอร์โมนรวม

ให้เช็กตารางของการมีประจำเดือนให้ดี ๆ เพราะถ้าพลาดแล้วแก้ไขยาก ผลข้างเคียงมาก เช่น ทำให้รู้สึกง่วงนอน คลื่นไส้อาเจียน หน้ามืด น้ำหนักขึ้น ตัวบวม หรือบางครั้งอาจจะส่งผลให้มีอารมณ์แปรปรวนด้วย

ยาคุมไม่ได้ช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

แบบที่ 5 เพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย ด้วยการฉีดยาคุมกำเนิด

การฉีดยาคุมสามารถคุมกำเนิดได้ 100% ซึ่งวิธีนี้สามารถคุมกำเนิดได้ยาวนาน 1-3 เดือน แต่ผลข้างเคียงเยอะมาก หากฉีดยาคุมควรปรึกษาหมอก่อนฉีด  ซึ่งวิธีนี้จะไม่ค่อยสะดวก และราคาสูงกว่าการทานยาคุมแบบเม็ด แต่การฉีดยาคุมถือว่ามีประสิทธิภาพสูงมากในการคุมกำเนิด 

ข้อดีของการฉีดยาคุม

คุมกำเนิดได้ยาวนาน 1-3 เดือน แล้วแต่ชนิดยา โดยไม่ต้องทานยาทุกวัน ไม่รบกวนต่อการมีเพศสัมพันธ์

สามารถใช้ได้แม้จะอยู่ในช่วงให้นมลูก ช่วยแก้ปัญหารอบเดือนที่ผิดปกติได้

ข้อควรระวังในการฉีดยาคุม

ต้องฉีดยาคุมกำเนิดอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดผลข้างเคียงต่อสุขภาพถึงจะหยุดใช้แล้ว เพราะอาจส่งผลจนกว่าระดับฮอร์โมนในร่างกายจะเป็นปกติ เป็นโรคกระดูกพรุน การใช้ยาคุมกำเนิดแบบฉีดชนิดเมดรอกซีโปรเจสเทอโรนติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจส่งผลต่อกระดูก แต่ก็จะกลับสู่ภาวะปกติ หากหยุดใช้

ตรวจหาโรคติตต่อทางเพศสัมพันธ์

แนวทางการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

  1. ตรวจหาโรคติตต่อทางเพศสัมพันธ์อย่างสม่ำเสมอ ไม่ใช่เพียงแค่เรา แต่คู่นอนของเราเองก็ต้องหมั่นตรวจด้วยอยู่เสมอ เพื่อที่จะได้สร้างความมั่นใจ และหาแนวทางในการป้องกัน หรือแก้ไขกันต่อไป เพราะเชื้อบางชนิดไม่ได้ออกอาการทันที ใช้ระยะเวลานานกว่าจะออกอาการ 
  2. ป้องกันอยู่เสมอโดยใช้ถุงยางอนามัย ซึ่งสามารถพกพาถุงยางอนามัยไว้ป้องกันตัวเอง เพราะเราไม่รู้ว่าจะพาตัวเองเข้าไปอยู่ในสถานการณ์ที่มีความเสี่ยงกันตอนไหน นอกจากนี้ควรย้ำกับคู่นอน หรือคุณแฟนเราอยู่เสมอว่าต้องใส่ถุงยางอนามัยป้องกันทุกครั้ง 
  3. รักเดียวใจเดียว ความซื่อสัตย์เป็นสิ่งสำคัญกับเรื่องความรัก ในเรื่องเพศสัมพันธ์ก็เช่นเดียวกัน รักใครก็รักทีละคน จะมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัยก็มีทีละคน ลดความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และการรับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มาจากคนอื่นด้วย
  4. หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะเมื่อดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แล้ว อาจทำให้สติ ความคิด ความยับยั้งชั่งใจที่ดีก็จะลดลงไปด้วย ทำให้เราอาจะไม่ได้นึกถึงการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย หรือถูกวิธี ซึ่งนั่นอาจจะทำให้เกิดผลเสียตามมาและต้องมานั่งเสียใจทีหลังได้
  5. การคุมกำเนิด เมื่อคิดจะมีเซ็กส์แล้ว ก็ต้องมีความรับผิดชอบต่อผลที่จะตามมาด้วย นอกจากเรื่องโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์แล้ว เรื่องการคุมกำเนิดก็เป็นสิ่งสำคัญมากๆ ทั้งยาคุมที่กินประจำทุกวัน และยาคุมฉุกเฉิน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการตั้งครรภ์แบบไม่พร้อมนะคะ อยากจะเน้นย้ำว่า ยาคุมไม่มีผลต่อการป้องกันโรคติดต่อ ไม่สามารถป้องกันโรคได้ การมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัยจึงควรใช้ถุงยางอนามัยป้องกันโรคติดต่อทุกครั้ง

บทความที่เกี่ยวข้อง

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เราป้องกันได้
กามโรค โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

อ้างอิงข้อมูลจากเว็บไซต์ :

  • ไม่ต้องอาย! ถ้า STOP ไม่ได้ ก็ “Safe Sex” เรียนรู้การมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย https://www.sanook.com/women/130637/
  • Safe Sex แบบไหนปลอดภัยสุด! https://www.wongnai.com/beauty-tips/safe-sex

โรคหูด (Warts) โรคผิวหนังที่พบบ่อย

โรคหูด (Warts)
โรคหูด (Warts)

เป็นโรคผิวหนังชนิดหนึ่งที่พบได้บ่อยไม่จำกัดเพศ และอายุ แม้ว่าจะไม่ได้อันตรายมากนัก แต่ต้องได้รับการรักษาที่ถูกต้อง มิฉะนั้นอาจเป็นแผลติดเชื้อที่หนักกว่าเดิม รักษายากกว่าเดิมได้

โรคหูด (Warts) คืออะไร

หูด (Warts) เป็นโรคผิวหนังชนิดหนึ่ง เกิดจากเชื้อฮิวแมน แปปิโลมาไวรัส (Human papillomavirus) หรือเอชพีวี (HPV) โดยเชื้อไวรัสชนิดนี้จะกระตุ้นให้เซลล์ผิวหนังเกิดการหนาตัวหรือแข็งตัวขึ้น  จนเป็นเนื้องอกชนิดไม่ร้ายของผิวหนัง ซึ่งก็มีอยู่ด้วยกันหลายชนิด อาจมีขนาดแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่เป็น หูดอาจจะขึ้นเพียงเดี่ยว ๆ หรือขึ้นหลายตุ่มก็ได้ โดยมักจะขึ้นที่มือ เท้า ข้อศอก ข้อเข่า ใบหน้า ฝ่ามือ ฝ่าเท้า หรืออาจขึ้นตามผิวหนังส่วนอื่น ๆ รวมทั้งที่อวัยวะเพศก็ได้ 

โดยโรคนี้เมื่อเป็นแล้วก็ไม่มีอันตรายแต่อย่างใด อาจจะทำให้ดูน่าเกลียดน่ารำคาญหรือทำให้มีอาการปวดได้เป็นบางครั้ง ส่วนมากแม้จะไม่ได้รับการรักษาก็มักจะยุบหายไปเองตามธรรมชาติภายหลังที่เป็นอยู่หลายเดือน แต่บางรายอาจเป็นอยู่แรมปีกว่าจะยุบหายไป และเมื่อหายแล้วก็อาจกกลับมาเป็นใหม่ได้อีก

ระยะฟักตัวของโรค

หลังจากรับเชื้อมาจนเกิดอาการมักจะใช้เวลาประมาณ 2-8 เดือน

สาเหตุการเกิดโรคหูด

โรคหูดเกิดจากการติดเชื้อไวรัสฮิวแมน แปปิโลมา ไวรัส  หรือ เอชพีวี (Human Papilloma Virus – HPV) ซึ่งมีมากกว่า 100 ชนิดย่อย โดยแต่ละเชื้อชนิดย่อยก็ทำให้เกิดหูดในตำแหน่งต่าง ๆ และมีหน้าตาของหูดแตกต่างกันไป เช่น เอชพีวีสายพันธุ์ย่อย 1 จะก่อให้เกิดหูดที่ฝ่ามือและฝ่าเท้า ส่วนเอชพีวีสายพันธุ์ย่อย 6 จะก่อให้เกิดหูดที่อวัยวะเพศภายนอก เป็นต้น

โดยส่วนใหญ่แล้วไม่ได้อันตราย โดยทั่วไปหูดจะเกิดขึ้นบนมือหรือเท้าของผู้ป่วย แต่เชื้อไวรัส HPV บางสายพันธุ์ที่ทำให้เกิดหูดบริเวณอวัยวะเพศหญิง ซึ่งอาจทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูก และเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ หูดสามารถเกิดได้หลายที่ เช่น หูดที่นิ้วมือ หูดที่เท้า หูดที่มือ หูดที่นิ้ว หูดที่ลิ้น หูดที่หน้า หูดที่อวัยวะเพศ หูดในปาก หูดที่คอ 

หูดเป็นโรคติดต่อที่สามารถติดต่อได้จากการสัมผัสจากคนที่เป็นหูดโดยตรง  แต่ผิวหนังที่มีบาดแผลหรือรอยถลอกจะติดเชื้อได้ง่ายกว่าผิวหนังที่ปกติ เพราะเชื้อไวรัสสามารถแทรกตัวลงไปได้ง่ายขึ้น ซึ่งจะใช้เวลาในการแบ่งตัวอยู่หลายเดือนจนกว่าจะเห็นเป็นก้อนหูด และเนื่องจากเชื้อหูดจะแบ่งตัวเฉพาะที่ผิวหนังและเยื่อบุเท่านั้น  จึงไม่ลุกลามเข้าสู่กระแสเลือดและไม่แพร่เชื้อเข้าสู่อวัยวะอื่น ๆ เชื้อชนิดนี้จึงไม่ติดต่อผ่านทางอื่น ๆ เช่น การไอ จามรดกัน หรืออย่างในกรณีที่มีหูดที่หน้า การมีเพศสัมพันธ์ก็ไม่ได้ทำให้ติดเชื้อหูดแล้วกลายเป็นหูดที่อวัยวะเพศหรือที่หน้า แต่ถ้าเอามือไปสัมผัสที่หน้า และมือก็ไปสัมผัสอวัยวะอื่น ๆ ด้วยก็อาจจะทำให้ติดเชื้อหูดจากหน้าได้

แต่สำหรับผู้ป่วยบางรายก็มีลักษณะเป็นพาหะโรค คือ ผิวหนังดูเป็นปกติทุกอย่าง ไม่มีตุ่มนูนให้เห็น แต่ที่ผิวหนังยังมีเชื้ออยู่ จึงยังสามารถแพร่เชื้อไปให้ผู้อื่นได้จากการสัมผัสผิวหนังส่วนที่มีเชื้อเช่นเดียวกัน  ซึ่งคนบางกลุ่มจะมีแนวโน้มที่จะติดหูดได้ง่ายกว่าปกติ รวมทั้งในผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันลดลงเช่นในผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับยากดภูมิคุ้มกัน เป็นต้น

โรคหูด-หูดข้าวสุก

หูด มีกี่ลักษณะ

ลักษณะของรอยโรคขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ของไวรัสและบริเวณที่เป็น สามารถแบ่งได้เป็น 5 กลุ่มดังนี้

1. หูดธรรมดา (Common Warts) เป็นหูดที่พบได้บ่อยที่สุด มีลักษณะของหูดชนิดนี้จะเป็นตุ่มนูนแข็ง ผิวค่อนข้างขรุขระ สีเหมือนผิวหนังหรือสีดำ อาจมีเม็ดเดียวหรือหลายเม็ด พบบ่อยบริเวณแขน เข่า นิ้วมือ นิ้วเท้า ข้อศอก ข้อเข่า ใบหน้า หนังศีรษะ เป็นต้น และอาจแพร่กระจายไปยังส่วนอื่น ๆ ของร่างกายได้อื่น ๆ

2. หูดชนิดแบน (Plane warts, Flat warts)  หูดชนิดนี้มีลักษณะมีลักษณะนูนขึ้นจากผิวเพียงเล็กน้อย เป็นเม็ดเล็ก ตุ่มแบน ผิวเรียบ สีเหมือนผิวหนัง  มักพบขึ้นบริเวณใบหน้า หน้าผาก หลังมือ และหน้าแข้ง มีขนาดตั้งแต่ 1-5 มิลลิเมตร อาจมีจำนวนตั้งแต่ 2-3 ตุ่มขึ้นไปจนถึงหลายร้อยตุ่ม และอาจมารวมกันเป็นกลุ่ม ๆ 

3. หูดฝ่ามือฝ่าเท้า (Palmoplantar Warts หรือ Plamar warts and Plantar warts) ลักษณะเป็นปื้นหนาแข็งฝังอยู่ในเนื้อ สีค่อนข้างเหลือง เมื่อยืนเดินลงน้ำหนักหรือกดทับจะเจ็บ พบได้ที่บริเวณฝ่ามือ ฝ่าเท้า  (ลักษณะคล้ายกับตาปลามาก แต่จะแยกกันได้ตรงที่หูดเมื่อใช้มีดเฉือนอาจมีเลือดไหลซิบ ๆ และอาจมีอาการเจ็บปวดได้ ส่วนตาปลาจะไม่มี) 

4. หูดที่อวัยวะเพศ หรือ หูดหงอนไก่ (Genital Warts, Condyloma Acuminatum)  ลักษณะเป็นตุ่มนูนสูงผิวขรุขระคล้ายหูดทั่วไป คล้ายหงอนไก่ พบบริเวณอวัยวะเพศ ทวารหนัก และขาหนีบ มักติดต่อจากการมีเพศสัมพันธ์เป็นหลัก 

5. หูดที่เป็นติ่งเนื้อแข็งยื่นจากผิวหนัง ลักษณะเป็นตุ่มขรุขระแต่ยาวคล้ายนิ้วมือเล็กๆ มักพบบริเวณใบหน้า และลำคอ

6. หูดข้าวสุก (Molluscum contagiosum) เกิดเป็นหูดเล็ก ๆ คล้ายสิวอยู่บริเวณผิวหนังชั้นนอก หูดข้าวสุกพบได้ตั้งแต่ทารก เด็ก ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ บางครั้งเกิดใกล้บริเวณอวัยวะเพศภายนอกทั้งชายและหญิง 

7. หูดคนตัดเนื้อ (Butcher’s warts)ป็นหูดที่เกิดจากการติดต่อจากคนสู่คน โดยมีเนื้อเป็นทางผ่าน จึงมักพบได้ในผู้ที่มีอาชีพแล่เนื้อดิบ ลักษณะของหูดจะเหมือนกับหูดทั่วไป แต่จะมีขนาดใหญ่กว่าและมีผิวขรุขระมากกว่า โดยมักจะพบที่มือเป็นส่วนใหญ่

8. หูดที่เป็นติ่ง (Filiform warts) หูดชนิดนี้จะมีลักษณะเป็นติ่งเนื้อเล็ก ๆ มักขึ้นที่หนังตา ใบหน้า หรือริมฝีปาก

9. หูดเยื่อบุ เป็นหูดที่มีลักษณะเป็นตุ่มนูน ผิวขรุขระคล้ายหูดทั่วไป มักพบได้ในช่องปาก ซึ่งเกิดจากการร่วมเพศโดยใช้ปาก และอาจพบได้ในเด็กที่คลอดทางช่องคลอดจากมารดาที่ติดเชื้อหูดบริเวณอวัยวะเพศ โดยได้รับเชื้อจากการกลืนหรือสำลักในขณะการคลอด นอกจากนี้ยังอาจพบหูดชนิดนี้ที่เยื่อบุตาอีกด้วย

โรคหูดเกิดที่ไหนได้อีกบ้าง

หูดเป็นโรคผิวหนังที่พบบ่อยมักจะเติบโตตามอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย ได้แก่ พบที่นิ้วมือ หูดสามารถเกิดได้หลายที่ เช่น หูดที่นิ้วมือ หูดที่เท้า หูดที่มือ หูดที่นิ้ว หูดที่ลิ้น หูดที่หน้า หูดที่อวัยวะเพศ หูดในปาก หูดที่คอ

อาการของโรคหูด

  • มีติ่งนูนยื่นขึ้นมาบนผิวหนังขนาดหูดประมาณ 10 มิลลิเมตร
  • มีผิวหยาบ หรือผิวเรียบ
  • เกิดขึ้นทั้งเป็นตุ่มเดี่ยว และเป็นกลุ่ม
  • มีอาการคัน

เมื่อใด ควรไปพบแพทย์

  • เมื่อไม่แน่ใจว่าลักษณะที่เกิดขึ้นเป็นตุ่ม และที่เป็นคือหูดหรือไม่
  • เมื่ออยากจะรักษาหูดเองที่บ้าน แต่ไม่แน่ใจว่าควรจะรักษาด้วยวิธีไหน
  • เมื่อรักษาหูดด้วยตัวเองที่บ้านแล้วไม่หาย ควรให้แพทย์ตรวจเพื่อยืนยันว่าตุ่มนั้นเป็นหูด ไม่ใช่มะเร็งหรือโรคผิวหนังชนิดอื่น
  • เมื่อมีเลือดออกจากหูด และหูดขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว
  • เมื่อเข้ารับการรักษาหูดและมีอาการผิวหนังอักเสบติดเชื้อ เช่น ผื่นแดง มีความรู้สึกปวด มีหนองบริเวณที่รักษา ในผู้ป่วยบางคนผื่นแดงและอาการปวดเป็นเรื่องปกติหลังการรักษา ดังนั้นจึงควรปรึกษาแพทย์ก่อนเพื่อทำความเข้าใจถึงผลข้างเคียงของการรักษา

การวินิจฉัยโรคหูด

  • แพทย์สามารถวินิจฉัยโรคหูดได้จากการดูอาการของผู้ป่วย จากการตรวจลักษณะของก้อนเนื้อ 
  • อาจต้องตัดชิ้นเนื้อเพื่อส่งตรวจทางพยาธิวิทยา
โรคหูด-ใช้ไนโตรเจนเหลว

การรักษาโรคหูด

แนวทางในการรักษาโรคหูดในปัจจุบันจะแบ่งออกเป็นการรักษาด้วยยาใช้ภายนอก การผ่าตัดซึ่งก็มีอยู่หลายวิธี และการปล่อยไว้ไม่รักษา เพราะส่วนใหญ่หูดจะสามารถยุบหายไปได้เอง ซึ่งการรักษานี้จะไม่ใช่การรักษาที่ต้นเหตุหรือเป็นการฆ่าเชื้อไวรัสที่เป็นต้นตอแต่อย่างใด เพราะในปัจจุบันยังไม่มีตัวยาที่สามารถฆ่าเชื้อไวรัสชนิดนี้ได้ แพทย์จึงเน้นการรักษาไปที่ปลายเหตุด้วยการทำลายเนื้อเยื่อบริเวณที่เป็นรอยโรค จึงยังอาจทำให้มีเชื้อไวรัสหลงเหลืออยู่ในบริเวณรอบ ๆ ที่ผิวหนังที่เห็นเป็นปกติ ดังนั้นแม้จะเอาหูดและเนื้อเยื่อผิวหนังโดยรอบออกไปแล้ว แต่ก็ไม่อาจรับประกันได้ว่าเชื้อหูดจะหมดไป ทำให้มีโอกาสที่โรคนี้จะกลับมาเป็นซ้ำได้อีก

ซึ่งโดยทั่วไปการรักษาหูดก็มีอยู่ด้วยกันหลายวิธี ได้แก่

1. การทายา ยาที่ใช้จะเป็นยาที่มีส่วนผสมของกรดซาลิซิลิก กรดแลคติก กรดไตรคลออะซิติก แต่การรักษาหูดด้วยการทายาจะต้องใช้เวลานานหลายสัปดาห์ หรือบางรายหลายเดือนกว่าจะหาย ควรมาพบแพทย์เพื่อรับการรักษา ไม่ควรซื้อยามาทาเอง

2. การจี้ด้วยความเย็น โดยใช้ไนโตรเจนเหลว (Cryotherapy)  วิธีนี้ใช้ได้ผลดีกับหูดขนาดไม่ใหญ่มาก โดยระหว่างจี้ผู้ป่วยจะรู้สึกเจ็บหรือแสบ ต่อมาบริเวณที่จี้อาจจะพองเป็นตุ่มน้ำ และใหญ่ขึ้นเป็นถุงน้ำ หลังจากนั้นจะค่อยๆ แห้งลงและตกสะเก็ด และจะหายภายใน 1-3 สัปดาห์ ซึ่งอาจต้องจี้ซ้ำหลายครั้งจนกว่าจะหายขาด

3. การจี้ด้วยไฟฟ้า เป็นการทำลายตุ่มหูดด้วยความร้อน วิธีนี้ได้ผลค่อนข้างดี แต่อาจทำให้มีแผลเป็นได้

4. การรักษาด้วยเลเซอร์ วิธีนี้จะใช้เลเซอร์จี้ที่ตัวหูด ซึ่งได้ผลดีแต่มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง

5. การผ่าตัด คือการผ่าตัดเอาก้อนหูดออก ใช้สำหรับหูดที่รักษาด้วยวิธีอื่นไม่ได้ผล

6. การทายาเพื่อกระตุ้นภูมิ (DCP) หรือ ภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy)   วิธีทำคือ การฉีดสารบางชนิดไปยังบริเวณหูด เพื่อกระตุ้นภูมิของร่างกายให้มาทำลายหูด จะใช้ในกรณีที่รักษาด้วยวิธีการอื่นไม่ได้ผล หรือหูดมีปริมาณมาก การรักษาใช้เวลาหลายเดือนและต้องมาทายาที่โรงพยาบาลทุกสัปดาห์

การป้องกันโรคหูด

  • หากเป็นหูด ควรรีบพบแพทย์เพื่อรักษาและป้องกันการแพร่กระจายเชื้อไปบริเวณอื่นของร่างกาย และป้องกันการแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่นได้
  • หูดอาจเกิดขึ้นซ้ำได้อีก โดยมีปัจจัยโดยตรงมาจากภูมิคุ้มกันในร่างกาย ดังนั้นจึงควรดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอด้วยการออกกำลังกายเป็นประจำ และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบทั้งห้าหมู่
  • เพื่อให้ร่างกายมีภูมิต้านทานที่แข็งแรง
  • หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์กับบุคคลที่เป็นหูดหงอนไก่ หรือหลีกเลี่ยงการสัมผัสหรืออยู่ใกล้ชิดกับคนที่เป็นหูด ส่วนผู้ที่อยู่ในบ้านเดียวกันกับผู้ที่เป็นหูด ควรแยกของใช้ส่วนตัว เช่น ผ้าขนหนู เสื้อผ้า รองเท้า ถุงเท้า ถุงมือ กรรไกรตัดเล็บ มีดโกน ฯลฯ
  • หลีกเลี่ยงการอาบน้ำเท้าเปล่าในสระว่ายน้ำสาธารณะ เพื่อป้องกันการติดเชื้อหูดที่เท้า โดยการสวมใส่รองเท้าในขณะอาบน้ำหรือรองเท้าแตะแบบหนีบอยู่เสมอ
  • ห้ามใช้เครื่องมือที่ใช้ตัดหรือเฉือนหูดร่วมกับผู้อื่น หรือพยายามหลีกเลี่ยงการทำเล็บในร้านที่ไม่สะอาด หรือตัดผมแบบที่มีการโกนขนหรือหนวดที่ต้องใช้ร่วมกัน
  • ล้างมือให้สะอาดเป็นประจำ โดยเฉพาะหากมีการสัมผัสกับคนที่เป็นหูด
  • หลีกเลี่ยงการถูกหูดที่ตำแหน่งใหม่
  • ควรเช็ดมือ และเท้าให้แห้ง
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสหูดกับผู้ที่เป็นหูดโดยตรง
  • ฉีดวัคซีนป้องกันการติดเชื้อ HPV ซึ่งสามารถป้องกันการติดเชื้อได้บางชนิด ปัจจุบันได้รับการรับรองให้ใช้ได้ทั้งในผู้หญิงและผู้ชาย

การดูแลรักษาตัวเองระหว่างเป็นโรคหูด

  • อย่าพยายามแกะ เกา หรือสัมผัสบริเวณที่เป็นหูด รวมไปถึงการกัดเล็บ เพราะอาจจะทำให้ผิวหนังบริเวณอื่น ๆ เกิดการติดเชื้อแล้วกลายเป็นหูดเพิ่มขึ้นใหม่ได้
  • ไม่ใช้วิธีการรักษาด้วยตัวเองที่กล่าวไปข้างต้นบนผิวที่อาจเกิดการระคายเคือง หรือบริเวณใด ๆ ที่มีการติดเชื้อ เป็นผื่นแดง บนไฝหรือปาน บนหูดที่มีขนโผล่ขึ้นมา รวมถึงหูดบริเวณอวัยวะเพศ ใบหน้า เยื่อบุผิว เช่น ในปาก จมูก และช่องทวารหนัก
  • ควรล้างผิวบริเวณที่เป็นหูดให้บ่อยที่สุด และพยายามดูแลหูดให้แห้งอยู่เสมอ เพราะหูดที่เปียกจะมีแนวโน้มในการแพร่เชื้อได้ง่ายขึ้น (การเช็ดให้แห้งจะช่วยลดโอกาสการแพร่เชื้อไปยังผู้อื่นได้)
  • ก่อนใช้ยาทาทุกครั้งควรปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ

ผลข้างเคียงของโรคหูด

ถ้าไม่ได้รับการรักษาประมาณ 2 ใน 3 หูดจะหายไปได้เองภายใน 2 ปี โดยไม่ทิ้งรอยแผลเป็น แต่ในผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง มักจะไม่หายเอง การรักษาก็ไม่ค่อยได้ผล มีอัตราการเกิดเป็นซ้ำได้สูง และหูดอาจกลายเป็นมะเร็งได้ง่ายกว่าคนทั่วไป

หูดบางชนิดย่อยอาจเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งได้ เช่น หูดจากเอชพีวีสายพันธุ์ย่อย 6, 11, 16, 18, 31, 35 ที่มักเป็นสาเหตุของการเกิดหูดในอวัยวะเพศ ซึ่งการติดเชื้อหูดในบริเวณนี้จะมีความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งผิวของอวัยวะเพศภายนอก มะเร็งช่องคลอด และมะเร็งปากมดลูก อย่างไรก็ตามหูดจากการติดเชื้อเอชพีวีส่วนมากหรือหลายชนิดย่อย จะไม่เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งแต่อย่างใด

บทความที่เกี่ยวข้อง

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เราป้องกันได้

เอชไอวี (HIV) ติดต่อกันได้อย่างไร?

อ้างอิงข้อมูลจากเว็บไซต์ :

  • หูด เรื่องเล็กแต่เจ็บเหลือใจ (Warts) https://www.siphhospital.com/th/news/article/share/496
  • หูด https://www.si.mahidol.ac.th/sidoctor/e-pl/articledetail.asp?id=34
  • หูด อาการ สาเหตุ และการรักษาโรคหูด 40 วิธี !! (Warts) https://medthai.com/หูด/
  • เป็นหูดหายได้ ถ้ารักษาอย่างถูกต้อง https://www.phukethospital.com/th/healthy-articles/warts-disappear-if-treated-properly/
  • หูด เกิดจากสาเหตุอะไร และดูแลรักษาอย่างไร https://amprohealth.com/symptoms/warts/

อาการปวดหัวตอนมีเพศสัมพันธ์ (Sexual Headache)

Sexual Headache
Sexual Headache

อาการปวดศีรษะสามารถเกิดขึ้นก่อน และระหว่างมีกิจกรรมทางเพศได้ หรือตอนที่ถึงจุดสุดยอด หรือหลังจากมีเซ็กส์ไปแล้วหลายชั่วโมงก็ยังปวดอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการช่วยตัวเอง หรือตอน Oral Sex อาการอาจจะดูไม่ใช่เรื่องร้ายแรง แต่ก็ไม่ควรที่จะปล่อยไว้ เพื่อเป็นปัญหาทำลายความสุขในชีวิตรักได้

การปวดหัวจากการมีเพศสัมพันธ์ (Sexual Headache)  คือ

อาการปวดหัวหลังมีเซ็กส์นั้น เป็นอาการปวดหัวที่หาได้ยาก สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งระหว่างการมีเซ็กส์และหลังจากการมีเซ็กส์ แต่โดยปกติแล้วมักจะเกิดขึ้นหลังจากการมีเพศสัมพันธ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากการสำเร็จความใคร่ โดยที่อาการปวดหัวนี้ไม่ได้มีสาเหตุมาจากโรค หรือความผิดปกติของร่างกายอื่นๆ ที่มีอยู่ก่อนแล้ว คุณอาจจะรู้สึกว่ามีอาการปวดตุบๆที่บริเวณศีรษะและลำคอเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างที่กำลังทำกิจกรรมทางเพศ หรืออาจจะมีอาการปวดหัวจี๊ดขึ้นมาอย่างรุนแรงขณะสำเร็จความใคร่

อาการปวดมักจะมีอาการปวดหัวอย่างหนักนานไม่เกิน 1 วัน และอาการปวดเบาๆ อีกไม่เกิน 3 วัน อาการปวดนี้จะคล้ายกันอาการคล้ายกับอาการปวดหัวไมเกรน สามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกช่วงอายุ และพบได้มากในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง

เช็คอาการผิดปกติ

หากมีอาการปวดศีรษะ ปวดตื้อๆ บริเวณศีรษะ และลำคอ มักเกิดเมื่อมีความตื่นเต้น และแรงกระตุ้นทางเพศที่สูงขึ้นในระหว่างมีเพศสัมพันธ์ อาจเกิดตั้งแต่เริ่มเกิดขึ้นก่อน ระหว่างทำกิจกรรมทางเพศ หรือเสร็จการทำกิจกรรทางเพศแล้วนั้น โดยอาจปวดเพียงครู่เดียว หรือต่อเนื่องกันหลายนาที หลายชั่วโมงไปจนถึงหลายวัน 

ผู้ที่มีความเสี่ยงอาการปวดหัวตอนมี Sex

  1. อายุมากกว่า 40 ปี
  2. เพศหญิง
  3. ผู้ที่เป็นโรคปวดศีรษะไมเกรนหรือมีคนในครอบครัวเป็น
  4. ปวดมากกว่า 24 ชั่วโมง
  5. มีอาการทางระบประสาทอื่น ๆ ร่วมด้วย

ทำไมมีเพศสัมพันธ์แล้วถึงปวดหัว

สาเหตุที่แตกต่างกันในแต่ละคน แต่สาเหตุที่พบกันบ่อยๆ ก็จะมีประมาณนี้

  • การหดตัวของหลอดเลือด ก็เหมือนกับการเป็นไมเกรน ประมาณครึ่งหนึ่งของคนมี sex headache เป็นไมเกรนอยู่ก่อน เซ็กส์จึงเป็นเพียงตัวกระตุ้นให้เกิดอาการของไมเกรนเท่านั้นเอง
  • การเกร็งตัวอย่างสุดขีดของกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกล้ามเนื้อท้ายทอย มักจะทำให้ปวดแบบตื้อ มากกว่าแบบแปล๊บ
  • ผลจากยา โดยเฉพาะยาช่วยให้อวัยวะเพศชายแข็งตัวอย่าง sildenafil (Viagra)
  • มีความดันเลือดสูงอยู่แต่ไม่รู้ตัว พอออร์กัสซั่มปุ๊ปความดันจะยิ่งพุ่งขึ้นไปอยู่แล้ว อย่างน้อยก็จะขึ้นไปถึง 240 มม. ดังนั้นถ้าใครมีความดันเลือดสูงเป็นพื้นอยู่แล้ว ก็ไม่แปลกที่อาจจะมีอาการปวดหัวได้
  • การปริแตกของหลอดเลือดที่โป่งพองอยู่แล้วในสมอง คือวัยรุ่นจำนวนหนึ่งมีจุดที่หลอดเลือดดำ และหลอดเลือดแดงมาต่อกันแบบลุ่นๆแทนที่จะต่อผ่านหลอดเลือดฝอย เรียกว่ามี AVM ย่อมาจาก ateriovenous malformation เวลามันปริหรือแตกก็จะปวดหัวแบบสายฟ้าฟาด (thunderclap headache) และเวลาเกิดออร์แกสซั่มก็เป็นเวลาเหมาะที่จะปริ เพราะเป็นจังหวะที่ความดันจู๊ดขึ้นได้ที่พอดี
  • โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ พอหัวใจขาดเลือดจากความดันขึ้น และหลอดเลือดหดตัว แทนที่จะเจ็บที่หน้าอกแบบปกติ ก็อาจจะมีบางคนที่ขึ้นไปเจ็บที่กราม ท้ายทอย หรือในหัวแทนถึงไม่ร้ายแรง แต่ก็ไม่ควรเพิกเฉย

ทำไมปวดหัว ตอนช่วยตัวเอง

อาการปวดศีรษะ ปวดท้ายทอย เวลาที่ช่วยตัวเอง จะมีอาการปวดศีรษะรุนแรง ระยะเวลาปวดศีรษะนานประมาณ 15-20 นาที ปวดบริเวณท้ายทอย ต้นคอ หลังเบ้าตา และอาจกระจายไปทั่วทั้งศีรษะได้ เหตุเกิดจากการเพิ่มขึ้นของความดันโลหิตที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็วขณะถึงจุดสุดยอด หากมีอาการบ่อย ปวดศีรษะ ปวดต้นคอมากขึ้น ควรไปตรวจพบแพทย์ เพื่อการตรวจวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้อง

ลักษณะอาการที่เกิดขึ้น

อาการSexual Headache

อาการปวดศีรษะที่อาจเกิดขึ้นขณะทำกิจกรรมทางเพศแบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่

  1. ปวดศีรษะขณะใกล้ถึงจุดสุดยอด จะมีอาการปวดตื้อ ๆ หนัก ๆ ที่บริเวณท้ายทอย อาการปวดศีรษะมักจะไม่รุนแรง แต่ถ้ามีเพศสัมพันธ์รุนแรงมากขึ้น จะทำให้อาการปวดศีรษะเป็นเพิ่มขึ้นได้
  2. ปวดศีรษะขณะถึงจุดสุดยอด มักจะมีอาการปวดศีรษะรุนแรงเฉียบพลัน แล้วตามด้วยอาการปวดตึบ ๆ บริเวณต้นคอ ท้ายทอย ปวดบริเวณด้านหน้า เบ้าตา แล้วกระจายไปทั่ว บางคนเป็นเพียง  1 นาที บางคนอาจมีอาการปวดศีรษะได้เป็นวัน

บางคนอาจจะมีอาการทั้งสองแบบนี้พร้อมกัน อาการปวดหัวนั้นสามารถอยู่ได้นานตั้งแต่ไม่กี่นาทีไปจนถึงหลายวัน ผู้ที่เคยมีอาการปวดหัวกว่า 75% รายงานว่ารู้สึกถึงอาการปวดที่ศีรษะทั้งสองข้าง และหากยิ่งขยับก็จะยิ่งมีอาการปวดมากยิ่งขึ้น

ทำอย่างไรถ้าเป็น Sexual Headache

1. ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจและประเมินดังนี้ 

  • ประเมินความดันเลือด
  • ประเมินยาที่กินอยู่ 
  • ประเมินหลอดเลือดหัวใจ
  • ประเมินการมีอยู่ของ AVM ในสมองด้วยการตรวจ MRI ของสมองด้วย เพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วย

2. ถ้าพบแพทย์แล้วไม่มีอะไรที่น่ากังวล ก็เป็นเรื่องง่ายแล้ว คือ sexual headache ส่วนใหญ่หายเอง 

  • ถอยห่างจากเซ็กส์ไปตั้งหลักสักพัก
  • กลับมามีเซ็กส์ใหม่ก็หัดค่อยๆ ไปแบบช้าๆ  ไม่ใช่เร่งรีบ
  • อย่าไปเกร็งตั้งคอไว้นาน เปลี่ยนท่าให้กล้ามเนื้อคอได้ผ่อนคลายบ้าง เทคนิคนี้จะช่วยได้มากกับพวกที่มีสาเหตุจากการหดเกร็งตัวของกล้ามเนื้อ
  • วันไหนที่เครียดมากทำท่าจะปวดหัวอยู่แล้ว ก็อย่ามีเซ็กส์ เก็บเซ็กส์ไว้เป็นกิจกรรมเมื่อเรารู้สึกผ่อนคลาย
  • ดูแลตัวเองให้มีสุขภาพทั่วไปดี ปัญหา sexual headache มักเป็นกับคนที่สุขภาพแย่ เช่นอ้วน ความดันสูง เป็นต้น

ภาวะแทรกซ้อนของ Sexual Headache

โดยปกติแล้วอาการปวดศีรษะจากเพศสัมพันธ์นั้นไม่เป็นอันตราย แต่หากเกิดอาการเกี่ยวข้องกับระบบประสาท เช่น อาการคอแข็ง อาเจียน หมดสติ หรือปวดศีรษะอย่างรุนแรงต่อเนื่องกันเกิน 1 วัน เป็นต้น ควรรีบไปพบแพทย์ทันที

วิธีการรักษาอาการปวดหัวตอนมี Sex

โดยปกติแล้ว อาการปวดหัวหลังมีเซ็กส์มักจะหายไปได้เองโดยไม่ต้องทำการรักษา บางคนอาจจะมีอาการเพียงแค่ครั้งเดียว แต่ก็มีบ้างที่อาจจะมีอาการปวดหัวอย่างเรื้อรังเป็นเวลานาน และจำเป็นต้องรับการรักษา

วิธีการรักษาอาการปวดหัวหลังมีเซ็กส์นั้น จะขึ้นอยู่สาเหตุที่ทำให้เกิดอาการปวดหัว เนื่องจากอาการปวดหัวเนื่องจากเซ็กส์นั้น มักจะไม่เกี่ยวข้องกับโรคอื่น ๆ ดังนั้นการรับประทานยาแก้ปวดที่สามารถหาซื้อได้เอง เช่น ยาไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) หรือยาอินโดเมทาซิน (Indomethacin) ก็อาจจะเพียงพอที่จะรักษาอาการปวดหัวนี้ได้

ในบางกรณีแพทย์อาจจะสั่งยา เช่น ยาในกลุ่มเบต้า บล็อกเกอร์ (Beta-blockers)ให้รับประทานเป็นประจำ เพื่อป้องกันอาการปวดหัวหลังมีเซ็กส์เพิ่มเติมอีกด้วยแต่ในบางครั้ง อาการปวดหัวหลังมีเซ็กส์อาจจะเป็นผลมาจากสภาวะหรือโรคอื่นๆ ที่แอบแฝงอยู่ก็เป็นได้

ดังนั้นทางที่ดีจึงควรรับการตรวจจากแพทย์ เพื่อวินิจฉัยโรคและหาสาเหตุของอาการปวดหัวที่แท้จริง เพื่อที่จะได้ทำการรักษาและป้องกันอาการปวดหัวได้อย่างถูกวิธี

  • ปวดศีรษะไม่รุนแรงจากการมีเพศสัมพันธ์ และเป็นไม่บ่อย สามารถรักษาโดยการทานยาแก้การอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ก่อนมีเพศสัมพันธ์
  • ปวดศีรษะรุนแรงจากการมีเพศสัมพันธ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่เป็นครั้งแรก แนะนำให้ไปพบแพทย์ทันที เพื่อหาสาเหตุที่ทำให้เกิดอันตราย อาทิเช่น เส้นเลือดสมองแตก, เส้นเลือดสมองหดตัวชั่วคราว, ผนังเส้นเลือดฉีกขาด

บทความที่เกี่ยวข้อง

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เราป้องกันได้
กามโรค โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

อ้างอิงข้อมูลจากเว็บไซต์ :

  • ปวดหัวหลังมีเซ็กส์ ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอาการปวดหัวหลังมีเซ็กส์ที่คุณควรรู้ https://www.sanook.com/women/153489/
  • เรื่องน่าห่วงปวดหัวเมื่อมี SEX https://www.bangkokinternationalhospital.com/th/health-articles/diseases-and-treatments/sexual-headache
  • ปวดหัวตอนมี sex อาจเป็น Sexual Headache ได้นะ https://today.line.me/th/v2/article/GoK1DQ
  • ปวดหัวหลังมีเซ็กส์ ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอาการปวดหัวหลังมีเซ็กส์ที่คุณควรรู้
    https://hellokhunmor.com/สุขภาพทางเพศ/เคล็ดลับเรื่องบนเตียง/ปวดหัวหลังมีเซ็กส์/