6 เหตุผลที่ทำไมเราถึงควรตรวจเอชไอวี

การตรวจเอชไอวี ในปัจจุบันมีความสะดวกสบายขึ้นเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากที่คุณจะตรวจได้ฟรีปีละ 2 ครั้งที่โรงพยาบาลรัฐทั่วประเทศแล้ว คุณยังสามารถรู้ผลได้อย่างรวดเร็วภายในวันเดียวอีกด้วย ทำให้ไม่ต้องเสียเวลารอนานเหมือนอย่างแต่ก่อน การตรวจเอชไอวีจึงเข้าถึงได้ง่าย แต่หลายคนยังคงลังเล ไม่กล้าที่จะไปตรวจเลือดแม้จะมีความเสี่ยงสูงก็ตาม วันนี้ เรามีเหตุผล 6 ข้อดี ๆ ที่เพราะอะไรเราจึงควรตรวจเอชไอวีมาฝากครับ

ทำไมเราถึงควรตรวจ HIV ?

เนื้อหาสรุป

  1. ตรวจเอชไอวี ลดความเครียด ลดความวิตกกังวล
  2. ตรวจเอชไอวี ช่วยให้ผู้ที่มีเชื้อเข้าสู่การรักษาได้ทันที
  3. ตรวจเอชไอวี เป็นจุดเริ่มต้นของการป้องกันตัวเองที่ดี
  4. ตรวจเอชไอวี ทำให้วางแผนครอบครัวที่ดีได้ในอนาคต
  5. ตรวจเอชไอวี เพิ่มความรู้เกี่ยวกับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
  6. ตรวจเอชไอวี ช่วยให้กิจกรรมทางเพศของเราปลอดภัย

ข้อดีตรวจ HIV ตรวจเอชไอวี ตรวจเอดส์ ตรวจซิฟิลิส ชุดตรวจเอดส์ โรคเอดส์
Quicky

ตรวจเอชไอวี ช่วยลดความเครียด ลดความวิตกกังวล

ส่วนใหญ่ของผู้ที่ตรวจคัดกรองเชื้อไวรัสเอชไอวี มักจะมีความเสี่ยงมาแล้วทั้งนั้น จึงมีความกังวลใจว่า ตัวเองจะติดเชื้อหรือไม่ ความเสี่ยงที่อาจทำให้ได้รับเชื้อเอชไอวีมาได้แก่

  • การมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย ไม่สวมถุงยางอนามัย
  • การมีเพศสัมพันธ์ในสภาวะที่ไม่พร้อม เมาขาดสติ
  • การเปลี่ยนคู่นอนบ่อย หรือใช้บริการผู้ให้บริการทางเพศ
  • การใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้อื่น

เมื่อตัดสินใจตรวจเอชไอวี และทราบผลตรวจที่ได้ จะช่วยลดความเครียด ความวิตกกังวลที่มีก่อนตรวจลงไปได้มาก ในกรณีที่ผลตรวจเป็นลบ ก็ทำให้คุณโล่งใจไปได้ และหากผลตรวจเป็นบวก ก็ทำให้คุณวางแผนในการใช้ชีวิตต่อไปได้ ไม่ใช่ค้างคา ไม่ทราบผลตรวจของตนเองเสียที บางคนคิดจินตนาการไปไกล รวมกับอาการวิตกกังวลต่าง ๆ ทำให้เครียดจนรู้สึกป่วย ไม่สบาย พาลคิดว่าอาการเหล่านี้ คือ อาการของผู้ที่ติดเชื้อเอชไอวี ทั้งที่ความจริงแล้ว คนที่มีเชื้อ แทบจะไม่แสดงอาการใด ๆ ออกมาให้เห็นเลย สิ่งที่จะรู้ได้ มีเพียงการตรวจเลือดเพื่อหาเชื้อไวรัสเอชไอวีเท่านั้น

ตรวจเอชไอวี ช่วยให้ผู้ที่มีเชื้อเข้าสู่การรักษาได้ทันที

เมื่อผู้ตรวจทราบว่าตนเองมีเชื้อเอชไอวี แพทย์หรือเจ้าหน้าที่ของสถานพยาบาลเหล่านั้น จะช่วยเหลือคุณอย่างเต็มที่ และนำคุณเข้าสู่กระบวนการรักษาทันที ข้อดีของการรักษาที่รวดเร็วนี้ ส่งผลให้คุณไม่เจ็บป่วยง่าย ไม่เกิดโรคฉวยโอกาส อันเป็นสาเหตุนำไปสู่ภาวะโรคเอดส์ ซึ่งการรักษาเอชไอวี วิธีที่ดีที่สุด ณ ตอนนี้ คือ การทานยาต้านไวรัสเอชไอวีอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ฤทธิ์ของยาไปช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อไวรัสเอชไอวีที่มีในร่างกาย หากผู้ติดเชื้อทานยาดีมีวินัย จะช่วยเสริมภูมิคุ้มกันที่บกพร่อง ถึงแม้โรคนี้จะยังไม่สามารถหายขาดได้ แต่การทานยาต้านไวรัสเอชไอวีสม่ำเสมอ จะช่วยกดเชื้อให้เหลือน้อยมาก จนแทบตรวจไม่พบ เข้าสู่ภาวะ U=U ไม่เจอเท่ากับไม่แพร่ ทำให้ผู้ที่มีเชื้อ ไม่สามารถแพร่ไวรัสเอชไอวีให้กับคู่นอนได้ คุณจึงสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติเหมือนคนทั่วไป ทำกิจกรรมทุก ๆ อย่างได้เหมือนคนอื่นโดยไม่ต้องกังวลใจเลย

ตรวจเอชไอวี เป็นจุดเริ่มต้นของการป้องกันตัวเองที่ดี

เมื่อตรวจเอชไอวี ก็หมายถึงคุณมีความใส่ใจในสุขภาพทางเพศของตัวเอง เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ที่จะระวังไม่ให้เกิดความผิดพลาด และป้องกันตัวเองได้อย่างปลอดภัย ด้วยการมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย เช่น

“ChatLove2test"
  • ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง
  • ทานยาเพร็พอย่างถูกวิธี
  • ไม่เปลี่ยนคู่นอนบ่อย
  • ไม่ใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้อื่น
  • งดเว้นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อันเป็นสาเหตุที่ทำให้ขาดสติขณะมีเพศสัมพันธ์ เป็นต้น

เพศสัมพันธ์เป็นเรื่องธรรมชาติ มีได้แต่ต้องฉลาดป้องกันด้วย เพราะการปลอดเชื้อ ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ ก็ย่อมดีกว่า หากรู้ก่อนก็ป้องกันตัวเองได้ก่อน ลดโอกาสการติดเชื้อเอชไอวีและโรคติดต่อทางเพศอื่น ๆ ซึ่งนอกจากจะเป็นการรับผิดชอบต่อตัวเองแล้ว ยังส่งผลดีต่อคู่นอนหรือคนรักของคุณที่ได้รู้สึกสบายใจไร้กังวลอีกด้วย

ตรวจเอชไอวี ทำให้วางแผนครอบครัวที่ดีได้ในอนาคต

สำหรับใครที่วางแผนแต่งงาน มีครอบครัว การตรวจเลือดเอชไอวี เป็นเรื่องที่จำเป็นไม่แพ้กับการตรวจสุขภาพอื่น ๆ ของทั้งสองฝ่ายเลยทีเดียว เพราะเป็นการเช็คความพร้อมสำหรับการมีบุตร การตรวจเลือดก่อนจะช่วยป้องกันไม่ให้ลูกของคุณติดเชื้อเอชไอวีรวมทั้งโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ ได้ หากผู้เป็นพ่อและแม่มีเชื้อ การตรวจเอชไอวี ก็ไม่ต่างจากการตรวจสุขภาพทั่วไปนัก แต่แพทย์จะมีการซักประวัติผู้ตรวจโดยละเอียด และเข้าสู่กระบวนการตรวจตามขั้นตอน เพื่อเตรียมพร้อมกับความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น หากพบเชื้อก็สามารถรักษาได้ทันที โดยที่ไม่แพร่เชื้อไปสู่คนรักของตน และวางแผนการใช้ชีวิตครอบครัวต่อไปอย่างมีสุขภาพดีและมีความสุข

ตรวจเอชไอวี เพิ่มความรู้เกี่ยวกับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

ก่อนและหลังการตรวจเอชไอวี แพทย์หรือเจ้าหน้าที่จะมีการให้คำแนะนำ คำปรึกษา เกี่ยวกับไวรัสเอชไอวี โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ รวมถึงโรคเอดส์แก่ผู้ตรวจด้วย ซึ่งไม่ใช่บทสนทนาทั่วไป ที่คุณจะสามารถพูดคุยได้กับคนทั่วไปได้ แพทย์หรือเจ้าหน้าที่จะให้ความรู้ความเข้าใจในการป้องกันโรคที่ถูกต้อง ทำให้คุณได้เรียนรู้ข้อมูลใหม่ ๆ ที่ตลอดทั้งชีวิตอาจจะไม่ให้ความสนใจ เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องไกลตัว หรือหากคุณมีข้อสงสัยเกี่ยวกับไวรัสเอชไอวีในข้อใด ก็สามารถสอบถามได้โดยตรง เพื่อคลายความสงสัยลงไปได้ สถานบริการที่ให้ตรวจเอชไอวี เจ้าหน้าที่จะได้รับการอบรมเฉพาะทางเกี่ยวกับด้านนี้ เพื่อที่คุณจะได้มีแนวทางในการป้องกันตนเองได้ ไม่ให้ติดเชื้อตลอดไป หรือในกรณีที่มีเชื้อ ก็จะได้มีเพื่อนคุยปรึกษา วิธีการรักษาและการดูแลตัวเองไม่ให้เจ็บป่วย

“PrEPLove2test"

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ ได้แก่

ซิฟิลิสฝีมะม่วง
หนองในแท้หูดหงอนไก่
หนองในเทียมไวรัสตับอักเสบบี
เริมที่อวัยวะเพศไวรัสตับอักเสบซี
แผลริมอ่อนเชื้อเอชพีวี

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เอดส์ เอชไอวี STD HIV AIDS ซิฟิลิส หนองใน เริม หูด ไวรัสตับอักเสบซี ไวรัสตับอักเสบบี

ตรวจเอชไอวี ช่วยให้กิจกรรมทางเพศของเราปลอดภัย

ในกรณีผู้ที่มีเชื้อเอชไอวี ก็สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ปกติ เพียงแต่ต้องป้องกันด้วยการสวมถุงยางอนามัยที่ถูกต้องร่วมกับการทานยาอย่างเคร่งครัดด้วย ในปัจจุบัน มีตัวยาที่ช่วยป้องกันเอชไอวีได้มากกว่า 90% ออกมาเป็นหนึ่งในตัวช่วยสำคัญ สำหรับผู้ที่เปลี่ยนคู่นอนบ่อย มีความเสี่ยงหลายครั้ง รวมถึงคู่รักที่มีผลเลือดต่าง ที่มีชื่อว่า “ยาเพร็พ (PrEP)” คือยาต้านไวรัสสำหรับผู้ที่ยังไม่มีเชื้อเอชไอวีเท่านั้น โดยจะทานเพื่อป้องกันการติดเชื้อทุกวัน วันละหนึ่งเม็ดต่อเนื่อง ในช่วงเวลาที่มีความเสี่ยงต่อการรับเชื้อเอชไอวี ตัวยาที่ทานเข้าไปนี้จะช่วยยับยั้งไวรัสไม่ให้แตกตัวและแพร่กระจายในร่างกายได้ แต่ก็ควรใช้ยาเพร็พ ร่วมกับการสวมถุงยางอนามัยทุกครั้งเพื่อประสิทธิผลสูงสุดและมีความปลอดภัย

ยาเพร็พ (PrEP) ไม่มีจำหน่ายตามร้านขายยาทั่วไป เพราะเป็นยาที่ต้องได้รับคำแนะนำจากแพทย์ ก่อนการเริ่มยาจะต้องมีการตรวจเอชไอวีและค่าอื่น ๆ ของร่างกายที่เกี่ยวข้องเสียก่อน รวมทั้งผู้ที่ใช้ยานี้จะต้องมีการตรวจติดตามผลอย่างสม่ำเสมอทุก ๆ 3 เดือนด้วยครับ

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการตรวจเอชไอวี

ถาม : นานแค่ไหนกว่าจะได้รับผลตรวจเอชไอวี ?
ตอบ = ผลตรวจเอชไอวีโดยปกติสามารถรับผลตรวจได้ภายใน 1 วัน ซึ่งแล้วแต่การทำงานของแต่ละสถานพยาบาล และวิธีการตรวจเอชไอวีด้วย
ถาม : จำเป็นต้องถูกซักประวัติมากน้อยเพียงใด ?
ตอบ = แพทย์หรือเจ้าหน้าที่ จำเป็นต้องซักประวัติผู้ตรวจก่อนทำการตรวจเท่าที่จำเป็น เพื่อประเมินความเสี่ยง ตามมาตรฐานขั้นตอนการปรึกษา และข้อมูลจะถูกเก็บไว้เป็นความลับ
ถาม : ผลการตรวจระบุว่า Non-reactive หมายความว่าอย่างไร ?
ตอบ = หมายความว่า ผลปกติ ไม่ติดเชื้อเอชไอวี
ถาม : ควรตรวจเอชไอวีบ่อยแค่ไหน ?
ตอบ = แนะนำให้ตรวจเอชไอวีอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง และควรตรวจหลังมีความเสี่ยงทุกครั้ง รวมไปถึงการตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ ด้วย
ถาม : ระยะฟักตัว หรือ Window Period คืออะไร ?
ตอบ = ระยะที่เชื้อเอชไอวีฟักตัว ซึ่งในระหว่างนี้จะไม่สามารถตรวจพบเชื้อได้ ระยะเวลาที่สามารถตรวจได้ตามวิธีการตรวจเอชไอวีในปัจจุบัน สามารถตรวจพบได้ตั้งแต่ 7 วัน, 2 สัปดาห์ และ 1 เดือนขึ้นไป หลังมีความเสี่ยง

จากเหตุผลทั้งหมดที่กล่าวมา ทุกคนคงทราบแล้วว่า การตรวจเอชไอวีมีประโยชน์มากมาย เมื่อเราทราบสถานะของตนเอง เราก็จะสามารถวางแผนต่อไปได้ นำไปสู่การป้องกันและการรักษา เชื้อไวรัสเอชไอวีก็จะไม่ถูกส่งต่อออกไปในวงกว้าง ช่วยลดปัญหาผู้ป่วยโรคเอดส์ลงได้ในที่สุดครับ

อ่านบทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

Similar Posts

  • ผนึกรวมความร่วมมือ 2 แพลตฟอร์มจองตรวจเอชไอวีที่ดีที่สุดในไทย

    ผนึกรวมความร่วมมือ มูลนิธิเพื่อรักและมูลนิธิแอ็พคอม ได้ออกมาประกาศความร่วมมือที่มีความสำคัญในชุมชนด้านสุขภาพดิจิทัลในวันที่ 15 มีนาคม 2567 ที่กรุงเทพมหานคร – มูลนิธิแอ็พคอม ร่วมมือกับมูลนิธิเพื่อรัก เรียกรวมกันเพื่อสร้างเหตุการณ์สำคัญโดยยกระดับด้านสุขภาพในชุมชนดิจิทัล พิธีลงนามของข้อตกลง (MoU) ได้เกิดขึ้นที่ Stranger Bar, สีลมซอย 4, กรุงเทพมหานคร

  • วิธีการรับมือกับผลข้างเคียงของยาต้านไวรัสเอชไอวี

    ยาต้านไวรัสเอชไอวี ถือเป็นหัวใจสำคัญของการรักษาโรคติดเชื้อไวรัสเอชไอวี โดยแพทย์จะพิจารณาให้ผู้ป่วยเริ่มกินยาต้านไวรัสเอชไอวีโดยเร็วที่สุด เพื่อเป็นการรักษาตัวผู้ติดเชื้อไวรัสเอชเอชไอวีเอง และเป็นการป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสเอชไอวีไปสู่ผู้อื่น  ยาต้านไวรัสคือ ยาต้านไวรัสเอชไอวีเป็นยาที่ออกฤทธิ์ยับยั้งหรือต้านการแบ่งตัวของเชื้อเอชไอวี ช่วยป้องกันไม่ให้เชื้อไวรัสเข้าไปทำลายเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิด T-cell มีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อได้สูงสุดถึง 99% หากมีการใช้อย่างถูกวิธี Didanosine (ddI) ใช้ในการรักษาภาวะติดเชื้อไวรัสเอชไอวีซึ่งทำให้เกิดโรคเอดส์หรือภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง (AIDS)…

  • ขั้นตอนตรวจเอชไอวี มีอะไรบ้าง

    วิธีเดียวที่จะรู้ได้ว่าคุณมีเชื้อไวรัสเอชไอวีหรือไม่ ก็คือการตรวจเลือดเท่านั้น ปัจจุบันขั้นตอนการตรวจเอชไอวี ไม่มีความซับซ้อนยุ่งยากแต่อย่างใด แถมยังรู้ผลเร็ว ประหยัดเวลา ประหยัดเงินอีกด้วย เพราะคนไทยมีสิทธิตรวจฟรีปีละ 2 ครั้ง รวมทั้งน้อง ๆ วัยรุ่นที่อายุต่ำกว่า 18 ปี ก็สามารถตรวจเอชไอวีได้…

  • / /

    เพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัยเป็นไปได้หรือไม่ 

    เรื่องเพศสัมพันธ์เป็นเรื่องใหญ่ และสำคัญของทุกคน การป้องกันก็เป็นเรื่องสำคัญเช่นเดียวกัน การมีเพศสัมพันธ์ ยังไงให้ปลอดภัย เพื่อการป้องกันและลดความเสี่ยงการติดต่อของโรคทางเพศสัมพันธ์ เพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย (Safe Sex) คืออะไร  คือ การมีเซ็กซ์ หรือเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย ซึ่งคนส่วนใหญ่คิดว่ามีเพียงแค่การใช้ถุงยางอนามัยเมื่อมีเพศสัมพันธ์ แต่ความจริงแล้วการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัยมีมากกว่านั้น อย่างเช่น…

  • เอชไอวี (HIV) ติดต่อกันได้อย่างไร?

    เอชไอวีเป็นเชื้อที่มีความร้ายแรง และน่ากลัวเป็นอย่างมาก เพราะในปัจจุบันนี้ยังไม่มีวิธีการไหน หรือยาตัวไหนที่สามารถรักษาโรคนี้ให้หายขาดได้ ทั้งยังในปัจจุบันมีผู้ป่วยที่ติดเชื้อก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เป็นผลให้คนส่วนใหญ่มักจะมีความเข้าใจ การติดเชื้อเอไอวีนั้น สามารถติดต่อกันได้โดยง่าย จนทำให้คนหลายคนมีความกังวล เมื่อต้องอยู่ใกล้กับผู้ติดเชื้อเอชไอวี การทำความเข้าใจให้ถูกต้อง เกี่ยวกับการติดเชื้อเอชไอวี สามารถติดต่อได้ผ่านทางใดได้บ้าง เพื่อการปฏิบัติตนเอง และสามารถอยู่ร่วมกับผู้ติดเชื้อได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย…

  • การตรวจหาเชื้อ HIV มีความสำคัญอย่างไร

    HIV (Human Immunodeficiency Virus) เป็นเชื้อไวรัสที่ทำลายระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายและสามารถนำไปสู่ภาวะโรคเอดส์ (AIDS) ได้ หากไม่ได้รับการรักษา แม้ว่าในปัจจุบันยังไม่มีวิธีรักษาให้หายขาด แต่ด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ก้าวหน้า การติดเชื้อ HIV ไม่ได้เป็นโทษประหารชีวิตอีกต่อไป ผู้ที่ติดเชื้อสามารถมีชีวิตยืนยาวและมีสุขภาพแข็งแรงได้หากได้รับการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้อง การตรวจหาเชื้อ HIV เป็นก้าวแรกที่สำคัญในการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อ นอกจากจะช่วยให้ผู้ติดเชื้อได้รับการรักษาที่เหมาะสมแล้ว ยังมีบทบาทสำคัญในการลดการแพร่เชื้อไปยังผู้อื่น และยังช่วยส่งเสริมสุขภาพของประชากรโดยรวม