การตรวจเอชไอวีมีกี่แบบ?

เมื่อการตรวจเลือดเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้คุณรู้ว่ามีเชื้อเอชไอวีอยู่หรือไม่ การตรวจหาเชื้อไวรัสเอชไอวี ส่วนใหญ่จึงทำการตรวจได้จากเลือด ซึ่งมีวิธีอยู่ 5 แบบหลัก ๆ ได้แก่

การตรวจหาภูมิคุ้นเคยต่อเชื้อเอชไอวี (Antibody HIV)

วิธีการตรวจชนิดนี้ เป็นการตรวจหาภูมิคุ้นเคย หรือที่เรารู้จักโดยทั่วไปคือ ภูมิคุ้มกันของร่างกายนั่นเอง แอนติบอดี (Antibody) หรือสารภูมิต้านทานเป็นโปรตีนขนาดใหญ่ในระบบภูมิคุ้มกัน สร้างขึ้นเพื่อตรวจจับ และทำลายสิ่งแปลกปลอม ที่เข้ามาในร่างกายของคนเรา เมื่อเราได้รับเชื้อไวรัสเอชไอวีเข้ามา แอนติบอดีก็จะตรวจจับได้ซึ่งจะต้องใช้ระยะเวลาหลังจากมีความเสี่ยงตั้งแต่ 30 วันขึ้นไป (ประมาณ 1 เดือน) วิธีตรวจแบบ Anti-HIV นี้ นิยมนำมาใช้ตรวจหาเชื้อมากที่สุด เพราะทราบผลตรวจไว ภายใน 1-2 ชั่วโมง และแพทย์มักจะแนะนำให้กลับไปตรวจซ้ำอีกครั้งที่ 3 เดือนเพื่อยืนยันผลตรวจ

Love2test”></a></div>




<h2 class=การตรวจหาแอนติเจนของเชื้อเอชไอวี (HIV p24 Antigen Testing)

วิธีการตรวจชนิดนี้ เป็นการตรวจหาโปรตีนของเชื้อที่มีชื่อว่า p24 มักจะใช้ในกรณีที่ผู้มีความเสี่ยงต่อเชื้อเอชไอวี ยังมีระยะฟักตัวที่ไม่เพียงพอ หรือร่างกายยังไม่สร้างแอนติบอดีต่อเชื้อ รวมทั้งมีระดับแอนติเจนต่ำจนไม่สามารถตรวจวัดได้ แอนติเจน คือ สารก่อภูมิต้านทานที่มักจะเป็นสิ่งแปลกปลอมหรือเป็นพิษต่อร่างกาย เมื่อเข้ามาในร่างกายแล้วจะถูกจับได้โดยแอนติบอดีนั่นเอง ซึ่งจะต้องใช้ระยะเวลาหลังจากมีความเสี่ยงตั้งแต่ 15 วันขึ้นไป (ประมาณ 2 สัปดาห์) ข้อเสียของวิธีนี้คืออาจจะยังตรวจไม่เจอเชื้อเพราะระยะฟักตัวค่อนข้างน้อย แพทย์จึงแนะนำให้กลับไปตรวจซ้ำอีกครั้งที่ 1 เดือนเพื่อยืนยันผลตรวจ

การตรวจโดยใช้ชุดตรวจ Anti-HIV และ Antigen ของเชื้อพร้อมกัน (HIV Ag/Ab combination Assay)

วิธีการตรวจชนิดนี้ เรียกโดยทั่วไปว่า การตรวจแบบใช้น้ำยา 4th Generation คือ เป็นการตรวจแบบทั้งวิธีที่ 1 Anti-HIV และที่ 2 HIV p24 Antigen ในคราวเดียวกันนั่นเอง น้ำยา 4th Generation นี้มีใช้กันอย่างแพร่หลายตามสถานพยาบาลทั่วไปเพื่อตรวจคัดกรองผู้ติดเชื้อเอชไอวี ซึ่งจะต้องใช้ระยะเวลาหลังจากมีความเสี่ยงตั้งแต่ 15 วันขึ้นไป (ประมาณ 2 สัปดาห์) ให้ผลตรวจที่แม่นยำ รวดเร็ว

การตรวจหาสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัสเอชไอวี (NAT : Nucleic Acid Testing)

วิธีการตรวจชนิดนี้ เป็นการตรวจหาเชื้อเอชไอวีโดยตรงจาก RNA ของเชื้อ ถือเป็นวิธีที่สามารถตรวจเจอเชื้อได้รวดเร็วที่สุด หลังจากมีความเสี่ยงตั้งแต่ 5-7 วันขึ้นไป ทำให้ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อเชื้อเอชไอวี ไม่ต้องรอระยะฟักตัว ช่วยลดความกังวลเพราะได้รับการตรวจที่รวดเร็ว ไม่ต้องรอนาน แต่วิธียังไม่ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายนัก ส่วนใหญ่จะใช้ตรวจคัดกรองเลือดของผู้บริจาคเลือด หรือมีบริการที่คลินิกนิรนาม หรือสถานพยาบาลเฉพาะทาง และบางแห่งก็ไม่สามารถรู้ผลตรวจได้ภายในวันเดียว อาจต้องรอผลตรวจหลังจากนั้นอีก 3-5 วัน ขึ้นอยู่กับการทำงานของแต่ละสถานที่ และแพทย์จะแนะนำให้กลับไปตรวจซ้ำด้วยวิธีอื่น ๆ อีกครั้งที่ 1 เดือนเพื่อยืนยันผลตรวจ

การตรวจแบบ Rapid HIV Test

วิธีการตรวจชนิดนี้ เป็นการตรวจคัดกรองไวรัสเอชไอวีเบื้องต้นเท่านั้น และยังใช้เวลาในการทราบผลเพียง 20 นาที ถือว่าเป็นวิธีที่มีความรวดเร็วกว่าแบบอื่น ๆ แต่ผู้ตรวจก็ยังจำเป็นที่จะต้องไปตรวจเอชไอวีแบบ Anti-HIV อีกครั้ง เพื่อยืนยันผลการตรวจ

ตรวจเอชไอวี ตรวจเลือด ตรวจเอดส์ ตรวจซิฟิลิส อาการเอดส์ ตรวจเลือดกี่วัน ระยะฟักตัว Window Period HIV Aids

ใครบ้างที่ควรตรวจเอชไอวี?

  • ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกัน
  • ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนที่ไม่ทราบผลเลือด
  • ผู้ที่ใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้อื่น
  • ผู้ที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศ
  • บุคลากรทางการแพทย์ที่ถูกเข็มทิ่มตำ
  • ผู้ที่มีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
  • คุณแม่ตั้งครรภ์หรือผู้ที่กำลังวางแผนมีบุตร

การตรวจหาเชื้อเอชไอวีจะต้องได้รับความยินยอมจากผู้ตรวจโดยสมัครใจ และจะต้องได้รับคำปรึกษาจากเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ทั้งก่อนและหลังการตรวจเลือด เพื่อประเมินความเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวี รวมถึงคำแนะนำเกี่ยวกับโรคเอดส์ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ การป้องกัน และการรักษาหากผู้ตรวจพบเชื้อ แม้ปัจจุบันยังไม่มีวิธีการรักษาเอชไอวีให้หายขาดได้ แต่การติดเชื้อก็ไม่ได้ทำให้คุณเสียชีวิตทันที และตัวยาที่ถูกพัฒนาด้วยความก้าวหน้าทางการแพทย์ในตอนนี้ ก็ช่วยให้ผู้ที่มีเชื้อสามารถอยู่ร่วมกับไวรัสเอชไอวีได้อย่างมีสุขภาพดีครับ

อ่านบทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

“ChatLove2test"

Similar Posts

  • อาการแบบนี้ ต้องตรวจเอชไอวีหรือไม่

    หลายคนมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวี แต่ยังไม่ตัดสินใจไปตรวจเลือด เนื่องจากรอให้เกิดอาการเสียก่อน แล้วจึงค่อยไปตรวจ ความจริงแล้ว เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่า ใครบ้างที่มีเชื้อเอชไอวีอยู่ เพราะไม่สามารถสังเกตจากอาการที่เป็น หรือรูปร่างลักษณะได้เลย เราจึงแนะนำได้ว่า ถึงแม้จะไม่มีอาการใด ๆ ก็ตาม หากมีความเสี่ยงว่าคุณอาจจะติดเชื้อ คุณควรทำการตรวจคัดกรองไวรัสเอชไอวีทันที การตรวจเอชไอวี…

  • ขั้นตอนตรวจเอชไอวี มีอะไรบ้าง

    วิธีเดียวที่จะรู้ได้ว่าคุณมีเชื้อไวรัสเอชไอวีหรือไม่ ก็คือการตรวจเลือดเท่านั้น ปัจจุบันขั้นตอนการตรวจเอชไอวี ไม่มีความซับซ้อนยุ่งยากแต่อย่างใด แถมยังรู้ผลเร็ว ประหยัดเวลา ประหยัดเงินอีกด้วย เพราะคนไทยมีสิทธิตรวจฟรีปีละ 2 ครั้ง รวมทั้งน้อง ๆ วัยรุ่นที่อายุต่ำกว่า 18 ปี ก็สามารถตรวจเอชไอวีได้…

  • สาเหตุของการติดเชื้อโรคฉวยโอกาส

    โรคเอดส์เป็นระยะสุดท้ายของการติดเชื้อเอชไอวี ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันร่างกายของผู้ป่วยนั้นถูกทำลายจนไม่สามารถต้านทานต่อโรค หรือการติดเชื้ออื่น ๆ เช่น แบคทีเรีย ไวรัส เชื้อรา โปรโตซัว ซึ่งปกติไม่ทำให้เกิดโรคในคนที่มีสุขภาพปกติ แต่สามารถเกิดได้กับผู้ป่วย บางครั้งอาจรุนแรงเป็นเหตุทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้ โรคติดเชื้อฉวยโอกาส คืออะไร โรคติดเชื้อฉวยโอกาส Opportunistic…

  • ตรวจเอชไอวีเมื่อไหร่ดีล่ะ?

    ความจริงแล้ว การตรวจเอชไอวีสามารถทำได้ทันที โดยที่เราไม่จำเป็นต้องรอให้มีความเสี่ยงเสียก่อนถึงจะไปตรวจเลือด ถ้าหากคุณยังไม่เคยตรวจคัดกรองไวรัสเอชไอวีมาก่อน ก็ถือเป็นโอกาสที่ดีที่จะรู้สถานะของตนเอง

  • เอชไอวี (HIV) ติดต่อกันได้อย่างไร?

    เอชไอวีเป็นเชื้อที่มีความร้ายแรง และน่ากลัวเป็นอย่างมาก เพราะในปัจจุบันนี้ยังไม่มีวิธีการไหน หรือยาตัวไหนที่สามารถรักษาโรคนี้ให้หายขาดได้ ทั้งยังในปัจจุบันมีผู้ป่วยที่ติดเชื้อก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เป็นผลให้คนส่วนใหญ่มักจะมีความเข้าใจ การติดเชื้อเอไอวีนั้น สามารถติดต่อกันได้โดยง่าย จนทำให้คนหลายคนมีความกังวล เมื่อต้องอยู่ใกล้กับผู้ติดเชื้อเอชไอวี การทำความเข้าใจให้ถูกต้อง เกี่ยวกับการติดเชื้อเอชไอวี สามารถติดต่อได้ผ่านทางใดได้บ้าง เพื่อการปฏิบัติตนเอง และสามารถอยู่ร่วมกับผู้ติดเชื้อได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย…

  • วัยรุ่นไทยกับเอชไอวี: ทำไมกลุ่มนี้ยังเสี่ยงสูง

    ทุกวันนี้ วัยรุ่นไทยกับเอชไอวี หลายคนอาจคิดว่าเอชไอวีเป็นปัญหาที่ห่างไกล หรือเป็นเรื่องของ “คนบางกลุ่ม” เท่านั้น แต่เมื่อมองใกล้ ๆ จะพบว่าวัยรุ่นคือกลุ่มที่น่าห่วงมากที่สุดในประเทศไทย เพราะเป็นวัยที่กำลังเปลี่ยนผ่านจากเด็กสู่ผู้ใหญ่ กำลังอยากรู้อยากลอง อยากพิสูจน์ตัวเอง และในขณะเดียวกันก็ยังไม่มีภูมิคุ้มกันทางสังคมหรือความรู้มากพอที่จะป้องกันตัวเองได้อย่างรอบด้าน