เอดส์ (AIDS : Acquired Immune Deficiency Syndrome)

เอดส์ (AIDS Acquired Immune Deficiency Syndrome)
เอดส์ (AIDS Acquired Immune Deficiency Syndrome)

เอดส์ (AIDS หรือ Acquired Immune Deficiency Syndromes) คือ กลุ่มอาการของโรคฉวยโอกาส เกิดจากการที่ร่างกายติดเชื้อไวรัสเอชไอวี เมื่อผู้ป่วยได้รับเชื้อเข้าไปจนถึงระยะสุดท้ายของการติดเชื้อ เชื้อไวรัสจะเข้าไปทำลายระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายจนทำให้ผู้ป่วยมีจำนวนเม็ดเลือดขาวชนิด CD4 ลดลง จนไม่สามารถต่อสู้เชื้อโรค หรือสิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ ที่เข้าสู่ร่างกาย  ทำให้เสี่ยงต่อการเป็นโรคแทรกซ้อนที่เรียกว่า โรคติดเชื้อฉวยโอกาส  ซึ่งทำให้ติดเชื้อได้ง่ายกว่าคนปกติ และอาการอาจจะรุนแรงจนเสียชีวิตในที่สุด

  • A = Acquired    หมายถึง สภาวะที่เกิดขึ้นมาภายหลัง ไม่ได้มีมาแต่กำเนิด
  • I = Immune     หมายถึง ส่วนที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกัน หรือภูมิต้านทานของร่างกาย
  • D = Deficiency  หมายถึง ความเสื่อมลง
  • S = Syndrome   หมายถึง กลุ่มอาการ หรืออาการหลาย ๆ อย่างไม่เฉพาะระบบใดระบบหนึ่ง

สาเหตุของเอดส์

สาเหตุของการเกิด โรคเอดส์ มาจากการได้รับเชื้อไวรัสเอชไอวี (Human Immunodeficiency Virus หรือ HIV) ผ่านทางการรับของเหลว เช่น เลือด น้ำนมแม่ น้ำอสุจิ ของเหลวในช่องคลอด โดยผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่จะได้รับผ่านจากการมีเพศสัมพันธ์ และการใช้เข็มฉีดยาร่วมกับบุคคลอื่น ทั้งนี้การที่ไวรัสส่งผ่านทางของเหลวทำให้ผู้ติดเชื้อไวรัสเอชไอวี สามารถส่งผ่านเชื้อไวรัสจากแม่ไปยังลูกในครรภ์ หรือผ่านทางน้ำนม 

เอดส์อาการเป็นอย่างไร ?

  • ระยะเฉียบพลัน ในระยะแรกนี้ผู้ป่วยที่ได้รับเชื้อไวรัสเอชไอวี จะมีอาการไข้ เจ็บคอ ผื่นขึ้น ต่อมน้ำเหลืองโต ซึ่งเป็นอาการตอบสนองของร่างกายจากการได้รับเชื้อ
  • ระยะสงบ ระยะนี้สามารถกินเวลาเป็นหลายปี มักจะไม่มีอาการแสดงที่เด่นชัด หรือแทบจะไม่มีอาการป่วยเลย แต่ยังคงมีเชื้อพัฒนาอยู่ภายในร่างกาย
  • ระยะเอดส์ เป็นระยะที่เข้าสู่การเป็นโรคเอดส์ ซึ่งภูมิคุ้มกันร่างกายของผู้ป่วยถูกทำลายไปจนต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน คือ มีเซลล์เม็ดเลือดขาว CD4 น้อยกว่า 200 cumm. และมีความเสี่ยงสูงที่จะติดโรคฉวยโอกาสซึ่งมีความแตกต่างกันไปในแต่ละคน เช่น โรคปอดอักเสบ การติดเชื้อราที่ทำให้เนื้อเยื่ออักเสบในปาก ช่องคลอด ปอด หรือการติดเชื้อไวรัสที่เป็นอันตรายกับตา ก่อเป็นวัณโรค จนอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เสียชีวิตได้
เอดส์ กับ เอชไอวี ต่างกันอย่างไร

เอดส์ กับ เอชไอวี ต่างกันอย่างไร ?

เอดส์ กับ เอขไอวี มีความแตกต่างกัน เพราะการติดเชื้อเอชไอวี ไม่ใช่โรค แต่เป็นการที่ร่างกายได้รับไวรัสเอชไอวีเข้าไปนั้นจะยังไม่แสดงอาการรุนแรงในระยะแรก ทำให้ผู้ที่ได้รับเชื้อไวรัสเอชไอวีแล้วบางคนอาจจะยังไม่รู้ตัวว่าตัวเองติดเชื้อเอชไอวี ก็ทำให้ไม่ได้รับการรักษา เป็นผลทำให้การติดเชื้อเอชไอวีจากแรกเข้าสู่ระยะที่สองคือระยะเเพร่เชื้อ และเข้าสู่ระยะที่เริ่มแสดงอาการ เช่น เป็นไข้ ท้องร่วง เป็นงูสวัด ถ้าหากยังไม่ได้รับยาต้านไวรัส ปริมาณเชื้อไวรัสในร่างกายก็จะสูงขึ้นจนไปทำลายระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายเรียกว่า ระยะเอดส์ หรือ สรุปง่ายๆเอดส์ คือระยะสุดท้ายของการติดเชื้อเอชไอวีนั่นเอง

การป้องกันเอดส์

เอดส์ ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอย่างที่คิด ดังนั้นควรป้องกันโดยเอาใจใส่พฤติกรรมทางเพศของตนให้ปลอดภัยมากขึ้น เช่น สวมถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์ ไม่เปลี่ยนคู่นอนบ่อย ๆ หมั่นตรวจเอชไอวีเป็นประจำ รวมทั้งรักษาสุขอนามัยโดยหลีกเลี่ยงการใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้อื่น

เอดส์รักษาอย่างไร ?

ปัจจุบันยังไม่มียาหรือวิธีการรักษาใดที่จะกำจัดเชื้อเอชไอวีให้หมดไปได้ในร่างกายของคนเรา มีเพียงแต่ยาที่จะช่วยชะลอการพัฒนาของโรค คือ ยาต้านเอชไอวี หรือยาต้านรีโทรไวรัส (Antiretrovirals: ARVs) หากผู้ป่วยได้รับยาตั้งแต่ในระยะเริ่มแรกที่ได้รับเชื้อ ยาจะออกฤทธิ์ควบคุมไม่ให้ไวรัสมีการแพร่กระจายและพัฒนาไปสู่การเจ็บป่วยในขั้นที่รุนแรง

ดูแลตัวเองอย่างไร เมื่อเป็นโรคเอดส์

ดูแลตัวเองอย่างไร เมื่อเป็นโรคเอดส์

  • รับประทานยาต้านไวรัสให้ตรงเวลา
  • ควรพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 8 ชั่วโมง
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
  • งดสิ่งเสพติดทุกชนิด
  • ออกกำลังกายเป็นประจำเพื่อสุขภาพที่แข็งแรง (แต่ไม่ควรหักโหม)
  • ลดความเครียดโดยการหากิจกรรมที่ชอบทำหรือกิจกรรมที่ผ่อนคลาย
  • ดูแลตัวเองในด้านสุขอนามัยเพื่อไม่ให้เกิดโรคฉวยโอกาสและเพื่อลดโอกาสในการแพร่เชื้อสู่ผู้อื่น

อ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติม

ผู้ป่วยควรรับประทานยาต้านไวรัสอย่างสม่ำเสมอ และตรงเวลา พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายเป็นประจำ เพราะจะช่วยให้มีสุขภาพดี และมีชีวิตที่ยืนยาวขึ้น

ตรวจเอชไอวี..ประโยชน์มากกว่าที่คุณคิด

ตรวจเอชไอวี..ประโยชน์มากกว่าที่คุณคิด

ปัญหาการติดเชื้อเอชไอวี และเอดส์ เป็นหนึ่งในสาเหตุของการเสียชีวิตทั่วโลก และยังเป็นโรคที่คุกคามมนุษยชาติที่ร้ายแรงที่สุดโรคหนึ่งในปัจจุบันนี้ เนื่องจากยังเป็นโรคที่รักษาไม่หายขาด แต่สามารถรักษาผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวี ด้วยการทานยาต้านไวรัส เพื่อสามารถใช้ชีวิตได้เหมือนคนปกติทั่วไป จะดีกว่าไหมถ้าหากเราคิดจะป้องกันโรคนี้ไว้ก่อน ย่อมดีกว่าการรักษาแน่นอนใช่ไหมครับ

เอชไอวีคืออะไร?

เอชไอวี (HIV) ย่อมาจาก Human Immunodeficiency Virus เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ชนิดหนึ่ง สามารถติดต่อได้ผ่านการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ใช้ถุงยางอนามัย และการสัมผัสเชื้อโดยตรงผ่านสารคัดหลั่ง เช่น เลือด, น้ำอสุจิ, น้ำเหลือง, และน้ำนมแม่ เอชไอวีเป็นสาเหตุของ ภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง เชื้อเอชไอวีจะเข้าไปทำลายเซลส์เม็ดเลือดที่จำเป็นของร่างกาย (หรือที่เรียกว่า CD4) ทำให้ระบบภูมิต้านทานล้มเหลว และทำให้เกิดภาวะโรคแทรกซ้อน

การตรวจ เอชไอวี มีกี่แบบ

การตรวจแบบ Anti-HIV​​​​ 

สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงในช่วงระยะเวลานานกว่า 1 เดือนที่ผ่านมา โดยการตรวจหาภูมิคุ้มกัน (antibody) ของร่างกายที่สร้างขึ้นมาเพื่อตอบสนองการที่มีเชื้อเอชไอวีเข้าสู่ร่างกาย สามารถให้ผลได้ใน 1-2 ชั่วโมงหลังการตรวจ ซึ่งผลที่ได้จะเป็นผลที่ย้อนหลังไปประมาณ 1 เดือนก่อนหน้านี้

การตรวจแบบ NAT (Nucleic Acid Testing)

การหาสารพันธุกรรมของเชื้อเอชไอวี หรือแกนในของเชื้อ เป็นวิธีที่มีความไวที่สุด สามารถชี้วัดผลจากร่างกายย้อนหลังไปประมาณ 1-2 สัปดาห์หลังจากที่ได้รับความเสี่ยง วิธีนี้ใช้ในการตรวจคัดกรองเลือดผู้บริจาคโลหิต แต่ยังไม่นำมาใช้ในการตรวจคัดกรองผู้ติดเชื้อเอชไอวีในสถานพยาบาล

การตรวจแบบ Rapid HIV Test

ใช้เวลาในการรอผลเพียง 20 นาทีเท่านั้น ถึงแม้ว่าจะได้ผลตรวจที่เร็วกว่าวิธีอื่น ๆ แต่ก็เป็นเพียงการตรวจเพื่อคัดกรองเบื้องต้นเท่านั้น แม้ว่าผลตรวจจะออกมาเป็นบวก (พบเชื้อ HIV) ผู้ป่วยจะต้องเข้ารับการตรวจซ้ำอีกครั้งด้วยวิธีการอื่นเพื่อยืนยัน

การตรวจหาแอนติเจนของเชื้อเอชไอวี

หรือ เรียกอีกชื่อว่า การตรวจแบบ NAAT – Nucleic Acid Amplification Testing จะทำการตรวจโปรตีนของเชื้อที่ชื่อว่า p24 (HIV p24 antigen testing) ซึ่งเป็นวิธีที่ใช้ตรวจการติดเชื้อในระยะแรกที่ผู้ได้รับเชื้อยังไม่สร้างแอนติบอดีต่อเชื้อเอชไอวี (Anti-HIV) หรือมีระดับแอนติบอดีที่ต่ำจนไม่สามารถตรวจวัดได้ สามารถตรวจได้ภายหลังการติดเชื้อประมาณ 14-15 วัน

ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตัวเอง

HIV Self Testing เป็นอุปกรณ์สำหรับการทดสอบเชื้อไวรัสเอชไอวี ผู้ตรวจจะเก็บตัวอย่างจากเลือดที่ปลายนิ้วเพียง 1 หยด และแปลผลเบื้องต้นด้วยตัวเอง วิธีการตรวจแบบนี้ มีความเป็นส่วนตัว สามารถตรวจที่ไหน เมื่อไหร่ก็ได้ ไม่จำเป็นต้องอดข้าวหรือน้ำแต่อย่างใด รู้ผลภายใน 1 นาที มีความแม่น 99%

ใครบ้างที่ควรไปตรวจ เอชไอวี

  • ผู้ที่ไม่สวมใส่ถุงยางอนามัย
  • ใช้เข็มฉีดยาร่วมกันกับผู้อื่น
  • ถูกล่วงละเมิดทางเพศ
  • ผู้ป่วยวัณโรค
  • มีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
  • บุคลากรทางการแพทย์ที่มีความเสี่ยงจากการปฏิบัติหน้าที่
  • การเตรียมพร้อม ก่อนสมรส และก่อนวางแผนตั้งครรภ์

ตรวจเอชไอวี ต้องรอกี่วัน ?

หลักการตรวจเอชไอวี จะขึ้นอยู่กับช่วงระยะฟักตัว หรือ Window Period เป็นช่วงที่หากร่างกายได้รับเชื้อมาแล้วจะสร้างระบบภูมิคุ้มกันออกมาเพื่อต่อสู้กับไวรัส ซึ่งหากระยะเวลาน้อยเกินไปเราก็ไม่อาจตรวจเจอเชื้อเอชไอวี ได้นั่นเอง โดยปกติมักจะใช้เวลาประมาณ 1-3 เดือนถึงจะตรวจเจอระดับของภูมิคุ้มกันนี้ได้ ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล ซึ่งหากคุณตรวจเลือดในช่วงก่อนหน้านี้อาจไม่พบเชื้อเอชไอวี ทั้ง ๆ ที่ความจริงอาจมีเชื้ออยู่ก็ได้

วิธีการตรวจ HIVระยะ Window Periodรู้ผลภายใน
Nucleic Acid Test : NAT5-7 วัน5 วัน
Anti-HIV น้ำยา 4thGen14 วัน1 วัน
Anti-HIV น้ำยา 3thGen21 วัน1 วัน
ชุดตรวจ HIV ด้วยตัวเอง21 วัน – 3 เดือน1 นาที

ประโยชน์ของการตรวจ เอชไอวี

การตรวจเอชไอวีสามารถนำไปสู่ชีวิตที่มีประสิทธิผลดีขึ้น เป็นก้าวแรกในการเรียนรู้สถานะเอชไอวีของคุณ และเป็นก้าวแรกในการดูแลชีวิตของคุณ โดยการตรวจคุณสามารถมั่นใจได้ว่าคุณได้รับการรักษาโรคอื่นๆ ที่อาจติดเชื้อจากไวรัสเอชไอวี คุณจะสามารถเริ่มการรักษาเอชไอวีได้  การตรวจเอชไอวีไม่เพียงแต่ช่วยให้คุณควบคุมชีวิตได้ แต่ยังช่วยลดมลทินจากโรคนี้ และช่วยให้ผู้ติดเชื้อเอชไอวีมีชีวิตที่มีสุขภาพดีขึ้น

  • สามารถเข้ารับการรักษาได้ทันที
  • ได้รับการรักษา จะทำให้มีสุขภาพที่แข็งแรง
  • วางแผนป้องกันคู่ของตนเองติดเชื้อ และชวนคู่ไปตรวจเลือดได้ 
  • วางแผนป้องกันการติดเชื้อไปสู่ลูกได้ 
  • ป้องกันตนเองไม่ให้ติดเชื้อเอชไอวีได้

สามารถตรวจ เอชไอวี ได้ที่ไหนบ้าง?

คนไทยสามารถตรวจ เอชไอวี ฟรีได้ปีละ 2 ครั้ง เพียงแค่มีบัตรประชาชน ก็สามารถเข้ารับการตรวจได้ เฉพาะโรงพยาบาลรัฐและศูนย์อนามัย คลินิกที่ร่วมโครงการ หรือสามารถเข้ารับการตรวจได้ที่โรงพยาบาลเอกชน หรือคลินิกได้ ซึ่งแต่ละที่จะมีค่าใช้จ่ายแตกต่างกันออกไป ค่าบริการประมาณ 500 – 1,000 บาท/ครั้ง และอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับใครที่ไม่สะดวกเดินทางไปยังสถานพยาบาลต่าง ๆ ในช่วงที่มีโควิดระบาดอยู่ในตอนนี้ การตรวจด้วย ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตัวเอง (HIV SELF TEST) ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะช่วยให้คุณรู้สถานะเอชไอวีของตัวเองได้เบื้องต้น ช่วยลดความกังวลใจ และทำให้สามารถวางแผนการใช้ชีวิตต่อไปได้สามารถตรวจเองได้ที่บ้าน แม่นยำถึง 99 % และรู้ผลภายใน 1 นาทีเท่านั้นเอง

ปัจจุบันจะมีหน่วยงานต่างๆ ที่คอยช่วยพัฒนาวิธีการตรวจเอชไอวีให้สะดวกสบาย รวดเร็ว แต่สิ่งสำคัญที่สุดในการตรวจ คือ การเตรียมความพร้อมของผู้ตรวจ กล้าที่จะเข้ารับการตรวจ เพราะยิ่งเข้ารับการตรวจได้เร็วเท่าไหร่ ยิ่งช่วยให้คุณสามารถวางแผนการใช้ชีวิตต่อไปได้เร็วขึ้น และ สบายใจขึ้น

สนใจจองคิวตรวจเอชไอวี รับ PrEP, PEP ฯลฯ สะดวก ง่าย และเป็นความลับ ได้ที่ LOVE2TEST จองฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย

บทความที่เกี่ยวข้อง

ชุดตรวจ HIV ราคาเท่าไหร่ ซื้อได้ที่ไหน ?

ชุดตรวจเอชไอวี ชุดตรวจเอดส์ เอชไอวี เอดส์ ตรวจเลือด ยาต้านไวรัสเอชไอวี โรคเอดส์

ถึงแม้การตรวจเอชไอวี ในปัจจุบัน จะเป็นเรื่องง่าย ๆ ที่ใครก็สามารถเดินเข้าไปตรวจได้ ณ สถานพยาบาลทุกที่ ยิ่งหากคุณเป็นคนไทยที่ถือครองบัตรประจำตัวประชาชนอยู่ ก็สามารถได้รับสิทธิการตรวจเอชไอวีฟรี ปีละ 2 ครั้ง จากโรงพยาบาลรัฐที่มีสิทธิประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือโรงพยาบาลที่คุณมีสิทธิประกันสังคมอยู่ ดังนั้น การที่รัฐเอื้ออำนวยให้การตรวจเลือดคัดกรองเชื้อไวรัสเอชไอวีง่ายขึ้น ทำให้กลุ่มบุคคลที่มีความเสี่ยงเข้ารับการตรวจได้อย่างรวดเร็ว และรู้ถึงสถานะเอชไอวีของตนเอง กล่าวอีกนัยหนึ่ง คือเป็นการเข้าสู่กระบวนการรักษา หากผลเลือดบวก หรือติดเชื้อเอชไอวี หรือช่วยให้คน ๆ นั้นป้องกันตัวเองให้ห่างไกลจากโรคได้อย่างถูกต้องมากยิ่งขึ้น หากผลเลือดเป็นลบ หรือไม่ติดเชื้อ

เสี่ยงแบบไหนควรตรวจ HIV

เสี่ยงแบบไหนที่ควรตรวจเอชไอวี

  • มีเพศสัมพันธ์ที่ไม่สวมถุงยางอนามัย
  • มีการใช้เข็มฉีดยาเสพสารเสพติดร่วมกับผู้อื่น
  • ถุงยางอนามัยแตก รั่ว หรือฉีกขาดขณะมีเพศสัมพันธ์
  • มีเพศสัมพันธ์กับคนที่ไม่ใช่คู่นอนประจำของคุณ
  • โดนล่วงละเมิดทางเพศ หรือขาดสติขณะมีเพศสัมพันธ์
  • ใช้อุปกรณ์สักหรือเจาะร่างกาย ที่ไม่ได้รับการทำความสะอาดอย่างถูกต้อง
  • โดนเข็มหรือมีดทิ่มต่ำ ในกรณีที่เป็นบุคลากรทางการแพทย์

นอกจากนี้ ถึงแม้คุณจะไม่มีความเสี่ยงดังกล่าวมาข้างต้น การตรวจเลือดเพื่อหาเชื้อเอชไอวี ถือเป็นหนึ่งสิ่งที่คุณควรใส่ใจเหมือนกับการตรวจสุขภาพประจำปีเลยทีเดียว เพราะเราไม่อาจรู้ได้ว่าคู่นอนของเรามีความเสี่ยงกับคนอื่นหรือไม่ รวมถึงคู่สามีภรรยาที่ต้องการวางแผนมีลูกในอนาคต ก็ควรจะเข้ารับการตรวจเลือดทั้งคู่ เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อไวรัสเอชไอวีส่งต่อผ่านแม่ไปยังลูกน้อยในครรภ์ได้ครับ

หากคุณติดเชื้อเอชไอวีขึ้นมาจริง ๆ และไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง ไวรัสจะค่อย ๆ เข้าไปทำลายเซลล์เม็ดเลือดขาวและระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้อ่อนแอ มีโอกาสที่จะเกิดโรคแทรกซ้อนต่าง ๆ ได้ง่าย คุณก็จะป่วย และร่างกายทรุดโทรมลงเรื่อย ๆ เมื่อไม่ได้รับยาต้านไวรัสเอชไอวีจากแพทย์ อย่างไรก็ตาม เมื่อคุณไม่รู้ว่าตัวเองมีเชื้อ อาจส่งผลต่อคนที่คุณรักที่อาจติดเชื้อจากคุณไปด้วย ถ้ามีเพศสัมพันธ์ที่ไม่สวมถุงยางอนามัย ดังนั้น การตรวจก่อน รู้ก่อน ถือเป็นเรื่องที่สำคัญมากกับสุขภาพของคุณครับ

“ถึงจะรู้ว่าการตรวจ HIV ไม่ยุ่งยาก แต่ก็ยังไม่กล้าไปตรวจที่สถานพยาบาล”

ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตัวเอง จึงเข้ามาเป็นตัวช่วยสำคัญ สำหรับผู้ที่ยังไม่สะดวกไปที่สถานพยาบาล เพื่อทำการเจาะเลือดตรวจเอชไอวี รอฟังผล และรับคำปรึกษาจากแพทย์ หรือในกรณีผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ห่างไกล ไม่สะดวกเดินทางเข้ามายังโรงพยาบาลในตัวเมือง หรือด้วยสถานการณ์โควิด 19 ที่กำลังระบาดอยู่ ณ ตอนนี้ ทำให้คนไม่อยากเสี่ยงออกนอกบ้าน ก็สามารถหาซื้อชุดตรวจนี้ไปใช้เพื่อการคัดกรองเอชไอวีเบื้องต้นได้ หรือคนที่ต้องการตรวจซ้ำ เพื่อยืนยันความมั่นใจ หลังจากตรวจเลือดเอชไอวีจากที่อื่นมาแล้ว

ชุดตรวจ HIV มีจำหน่ายออนไลน์และร้านขายยา
ขอบคุณภาพสินค้าจาก อินสติ (INSTI) ชุดตรวจเอชไอวี

รู้จักชุดตรวจ HIV ด้วยตัวเอง

ชุดตรวจ HIV ด้วยตัวเอง เป็นอุปกรณ์สำหรับการทดสอบเชื้อไวรัสเอชไอวี ผู้ตรวจจะเก็บตัวอย่างเลือด หรือน้ำในช่องปาก นำมาตรวจ และแปลผลเบื้องต้นด้วยตัวเอง วิธีการตรวจแบบนี้ มีความเป็นส่วนตัว สามารถตรวจที่ไหน เมื่อไหร่ก็ได้ ไม่จำเป็นต้องอดข้าวหรือน้ำแต่อย่างใด ทั้งนี้ แนะนำให้คุณทำการตรวจเอชไอวีซ้ำอีกครั้ง เพราะการตรวจด้วยชุดตรวจนี้ เป็นเพียงการคัดกรองเอชไอวีเบื้องต้นเท่านั้น ควรต้องคำนึงถึงระยะฟักตัว (Window Period) หลังจากที่มีความเสี่ยงมาด้วย และไม่เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังทานยาต้านไวรัส หรือเพร็พ (PrEP) อาจทำให้ผลการตรวจไม่ถูกต้อง

ชุดตรวจ HIV ราคาเท่าไหร่ ซื้อได้ที่ไหน

ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตัวเอง ตามท้องตลาดที่มีจำหน่ายอยู่ในปัจจุบัน จะมีราคาที่แตกต่างกัน โดย 1 ชุดตรวจราคาประมาณ 500-700 บาทต่อชุด ขึ้นอยู่กับยี่ห้อ และคุณภาพของชุดตรวจด้วย ซึ่งส่วนใหญ่จะมีจำหน่ายทางออนไลน์เป็นหลัก เป็นช่องทางที่ง่าย เพราะในสมัยนี้ใคร ๆ ก็มีมือถือและอินเตอร์เน็ตด้วยกันทั้งนั้น การติดต่อซื้อชุดตรวจ HIV ด้วยตัวเอง ผ่านเว็บไซต์ หรือแอพพลิเคชั่นต่าง ๆ จึงมีความสะดวกสบายเป็นอย่างมาก เราแนะนำให้คุณติดต่อซื้อชุดตรวจ HIV ด้วยตัวเองกับผู้นำเข้าสินค้าโดยตรง เพราะจะได้รับคำแนะนำในการใช้งานชุดตรวจที่ถูกต้อง หรือหากมีปัญหาใด ๆ ในการใช้ชุดตรวจก็สามารถกลับไปสอบถามได้ทันที และได้รับข้อมูลที่มีความถูกต้อง

อีกหนึ่งทางเลือก ณ ตอนนี้มีชุดตรวจ HIV ที่วางขายที่ร้านขายยาแล้ว เพื่ออำนวยความสะดวก ในกรณีผู้ที่ต้องการตรวจเลือดในวันนั้นเลย ลดค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายเพิ่มเกี่ยวกับค่าขนส่ง หรือลดความไม่มั่นใจเกี่ยวกับตัวผลิตภัณฑ์ลง เพราะชุดตรวจ HIV ด้วยตัวเอง ที่มีจำหน่ายในร้านขายยา มีความน่าเชื่อถือ ไม่ต้องกลัวว่าเป็นของปลอม ของลอกเลียนแบบ หรือของนำเข้าผิดกฎหมายแต่อย่างใด ประโยชน์อีกข้อหนึ่ง หากคุณซื้อชุดตรวจผ่านร้านขายยา ผู้ซื้อยังสามารถขอรับคำแนะนำจากเภสัชกรที่จำหน่ายชุดตรวจได้ทันที เมื่อมีข้อสงสัยในการใช้งาน ทั้งนี้ผู้ซื้อควรพิจารณาถึงการเลือกซื้อชุดตรวจ HIV ด้วยตัวเอง ดังต่อไปนี้

ข้อสังเกตุชุดตรวจ HIV
  1. ชุดตรวจควรมีเลขจดแจ้ง ที่ได้รับการอนุญาต จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) อย่างถูกต้องตามกฎหมาย และสามารถตรวจสอบได้จริง
  2. ได้รับมาตรฐานที่เชื่อถือได้ ตัวอย่างเช่น มาตรฐานสากล European Conformity (CE), มาตรฐานสากลจากองค์การอนามัยโลก WHO Pre-Qualified, มาตรฐานแคนาดา Health Canada เป็นต้น
  3. แสดงผลตรวจที่รวดเร็ว ไม่ต้องรอนาน และมีความแม่นยำสูง 99%
  4. มีคู่มือการใช้งานที่ละเอียด สามารถเข้าใจได้ง่าย และทุกคนสามารถตรวจได้ ไม่ยุ่งยากซับซ้อน
  5. ผลิตจากบริษัทที่เป็นผู้นำ ด้านการวิจัยและพัฒนาชุดตรวจทางการแพทย์ระดับโลก
  6. สามารถตรวจหาเชื้อ HIV ได้ทั้ง 2 ชนิด คือ HIV 1 และ HIV 2

ทำอย่างไรเมื่อผลเลือดเป็นบวก

หากตรวจแล้วพบเชื้อ นอกจากจะทำการตรวจเอชไอวีซ้ำเพื่อยืนยันผลอีกครั้งแล้ว คุณสามารถติดต่อไปยังหน่วยงานเหล่านี้ เพื่อขอรับคำปรึกษาและแนวทางในการรักษาเอชไอวีเบื้องต้นได้

สถานที่เว็บไซต์เบอร์โทรติดต่อ
ศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย (คลีนิคนิรนาม)https://th.trcarc.org02-251-6711 ถึง 5
สายด่วน สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)http://www.nhso.go.th1330
สายด่วน กรมควบคุมโรคhttps://ddc.moph.go.th1422
สายด่วน ปรึกษาเอดส์และท้องไม่พร้อมhttp://www.aidsaccess.com1663
สายสบายใจhttp://www.rsat.info090-648-7407

ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตัวเอง ได้รับการปลดล็อคอย่างเป็นทางการแล้วในประเทศไทย ถือเป็นเรื่องน่ายินดีอย่างยิ่ง สำหรับคนที่มีความเสี่ยง จะได้เข้าถึงการตรวจได้อย่างรวดเร็ว ไม่จำเป็นต้องลางาน หรือหลบ ๆ ซ่อน ๆ ใครเพื่อไปตรวจเลือดที่สถานพยาบาล แถมอุปกรณ์ชุดตรวจยังสามารถทำได้ง่าย และตรวจได้ตลอดเวลา ถือเป็นการดูแลสุขภาพของตนเองและรับผิดชอบต่อคนรักของคุณอีกด้วย เพราะหากคุณรู้สถานะเอชไอวีของตนเองได้เร็วเท่าไหร่ คุณก็จะสามารถเข้าสู่กระบวนการรักษาได้เร็วเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องรอให้เจ็บป่วย หรือไม่ต้องกังวลว่าร่างกายจะเข้าสู่ภาวะโรคเอดส์ และเสียชีวิตครับ

อ่านบทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

ขั้นตอนตรวจเอชไอวี มีอะไรบ้าง

HIV AIDS ไวรัสเอชไอวี เอดส์ ตรวจเลือด ตรวจเอชไอวี ตรวจเอดส์ ขั้นตอนตรวจเอชไอวี ผลตรวจเอชไอวี

วิธีเดียวที่จะรู้ได้ว่าคุณมีเชื้อไวรัสเอชไอวีหรือไม่ ก็คือการตรวจเลือดเท่านั้น ปัจจุบันขั้นตอนการตรวจเอชไอวี ไม่มีความซับซ้อนยุ่งยากแต่อย่างใด แถมยังรู้ผลเร็ว ประหยัดเวลา ประหยัดเงินอีกด้วย เพราะคนไทยมีสิทธิตรวจฟรีปีละ 2 ครั้ง รวมทั้งน้อง ๆ วัยรุ่นที่อายุต่ำกว่า 18 ปี ก็สามารถตรวจเอชไอวีได้ ไม่จำเป็นต้องได้รับความยินยอมจากผู้ปกครองแต่อย่างใด เพราะสิ่งที่จะทำให้เรายุติปัญหาเอชไอวีได้ดีที่สุด คือการรณรงค์ให้ทุกคนตระหนักถึงความสำคัญของการตรวจเลือดนั่นเองครับ

ตรวจเอชไอวี ง่ายนิดเดียว!

การตัดสินใจตรวจเลือด นอกจากที่เราจะรู้สถานะเอชไอวีของตัวเองแล้ว ยังได้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เชื้อไวรัสเอชไอวี และโรคเอดส์ที่ถูกต้องมากกว่าการหาอ่านข้อมูลทั่วไปในอินเตอร์เน็ต อย่างไรก็ตาม การไปพบแพทย์หรือเจ้าหน้าที่ด้านนี้โดยเฉพาะจะทำให้เราเข้าใจมันมากขึ้น โดยขั้นตอนการตรวจเอชไอวี มีดังต่อไปนี้

ขั้นตอนที่รายละเอียด
1ลงทะเบียน
2ปรึกษาก่อนตรวจ
3ตรวจเลือด
4ปรึกษาหลังตรวจและแจ้งผลเลือด

ลงทะเบียนเข้ารับการตรวจ

ติดต่อสถานพยาบาลที่คุณสะดวก เพื่อทำการลงทะเบียนเข้ารับการตรวจเอชไอวี อาจมีการนัดหมายวันและเวลาล่วงหน้ามาก่อน ขึ้นอยู่กับกระบวนการทำงานของแต่ละแห่ง นอกจากนี้ หากเป็นหน่วยงานของรัฐ คุณจำเป็นจะต้องแสดงบัตรประจำตัวประชาชนเพื่อรับสิทธิตรวจฟรี ทั้งนี้ ข้อมูลต่าง ๆ จะถูกเก็บเป็นความลับ ซึ่งเป็นนโยบายในการตรวจเอชไอวีตามหลักสากล จากนั้น รอเรียกตามคิวตรวจ ซึ่งการตรวจเลือดแบบนี้ ผู้ตรวจไม่จำเป็นต้องงดน้ำหรืออาหารแต่อย่างใด

เข้ารับคำปรึกษาก่อนตรวจ

ก่อนทำการตรวจเอชไอวี ผู้ตรวจจะได้รับคำแนะนำจากแพทย์หรือเจ้าหน้าที่ ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านนี้โดยเฉพาะ เพื่อประเมินถึงความเสี่ยงต่อเชื้อไวรัสเอชไอวี และอีกเช่นกัน ข้อมูลเหล่านี้จะถูกเก็บไว้เป็นความลับ และไม่มีการตัดสินพฤติกรรมของผู้ตรวจจากเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด ขอให้คุณทำใจให้สบาย ผ่อนคลาย และอธิบายถึงเหตุการณ์ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นตามข้อเท็จจริง ไม่ควรปิดบัง เพื่อประโยชน์สูงสุดกับตัวคุณเอง ที่จะได้คลายข้อกังวล ข้อสงสัย และได้คำตอบที่ชัดเจน หลังจากนั้น จะมีการเซ็นชื่อเพื่อให้ความยินยอมในการตรวจเอชไอวี ว่าไม่ได้มีใครบังคับให้มาตรวจ และขั้นตอนการเข้ารับคำปรึกษาจะใช้เวลาประมาณ 10 นาที – ครึ่งชั่วโมงแล้วแต่กรณีของผู้ตรวจแต่ละคน

ขั้นตอนตรวจเอชไอวี ลงทะเบียนตรวจเอดส์ ปรึกษาตรวจเอชไอวี ผลตรวจเลือดเอชไอวี ผลเลือดบวก ผลเลือดลบ

เจาะเลือดตรวจเอชไอวี

หลังจากเข้ารับคำปรึกษาเรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่จึงจะทำการเจาะเลือดของคุณด้วยอุปกรณ์การแพทย์ที่ผ่านการฆ่าเชื้อมาเป็นอย่างดี เพื่อนำเลือดของคุณจำนวนหนึ่งไปทำการตรวจหาเชื้อไวรัสเอชไอวี ส่วนใหญ่แล้ว คุณสามารถรู้ผลเลือดได้ภายในวันเดียว หรือตามรูปแบบการตรวจเอชไอวีของแต่ละสถานพยาบาล สามารถสอบถามได้ในตอนที่เข้ารับคำปรึกษา หรือโทรสอบถามก่อนเข้ารับการตรวจ

เข้ารับคำปรึกษาหลังตรวจ

หลังจากเจาะเลือดเสร็จแล้ว แพทย์หรือเจ้าหน้าที่จะให้คำปรึกษาอีกครั้ง เช่น อธิบายถึงความหมายของผลเลือดแบบต่าง ๆ พูดคุยเกี่ยวกับการวางแผนดูแลตัวเอง แผนการใช้ชีวิต ประเมินสภาวะจิตใจหากผู้ตรวจมีผลเลือดบวก หรือหากไม่มีเชื้อ เจ้าหน้าที่ก็จะแนะนำการทำอย่างไรให้ผลเลือดเป็นลบได้ตลอดไป

ฟังผลตรวจเอชไอวี

ผลเลือดเอชไอวีนั้นแบ่งออกเป็น 2 ผลหลัก ดังต่อไปนี้

  • ผลเลือดลบ (non-reactive) หมายถึง คุณไม่มีเชื้อไวรัสเอชไอวี แพทย์หรือเจ้าหน้าที่จะให้คำแนะนำเกี่ยวกับการป้องกันเอชไอวี การมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย การใช้ถุงยางอนามัย ยาเพร็พ (PrEP) พร้อมกับแนะนำให้ผู้ตรวจกลับมาตรวจเอชไอวีอีกครั้ง
  • ผลเลือดบวก (reactive) หมายถึง คุณมีเชื้อไวรัสเอชไอวี แพทย์หรือเจ้าหน้าที่จะให้คำแนะนำเกี่ยวกับขั้นตอนการรักษา การตรวจอื่น ๆ เพิ่มเติม การทานยาต้านไวรัส รวมถึงการดูแลตัวเองให้อยู่ร่วมกับเชื้ออย่างแข็งแรง ไม่เจ็บป่วย

กล่าวคือ ผู้ที่ติดเชื้อเอชไอวี ไม่เสียชีวิตทันที หากเข้าสู่กระบวนการ การรักษาที่รวดเร็ว ทานยาต้านไวรัสอย่างมีวินัย ดูแลตัวเองเป็นอย่างดี ไม่เสี่ยงรับเชื้อมาเพิ่ม ก็สามารถมีชีวิตยืนยาวได้เหมือนคนทั่วไปที่ไม่มีเชื้อเลย ในทำนองเดียวกัน ผู้มีเชื้อสามารถทำงาน มีครอบครัว มีบุตรได้ และไม่ป่วยเป็นโรคฉวยโอกาส หรือโรคเอดส์

ในปัจจุบัน สิทธิการรักษาผู้ที่มีเชื้อเอชไอวีนั้น ฟรี! ทั้งค่าใช้จ่ายในการรักษาและค่ายา สามารถตรวจสอบถามได้ที่โรงพยาบาลรัฐหรือเอกชน ตามสิทธิประกันสังคมหรือสิทธิหลักประกันสุขภาพของคุณได้เลย

ตรวจเอชไอวี ตรวจเอดส์ HIV AIDS ผลเลือดบวก ตรวจเอดส์กี่วัน ตรวจเลือดที่ไหน

สรุปได้ว่า การตรวจเอชไอวี ถือเป็นเรื่องปกติ เพราะการมีเพศสัมพันธ์เป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์ ไม่อยากให้คิดว่าการตรวจเลือดเป็นเรื่องน่ากลัว หรือเรื่องน่าอาย เพราะหากคุณรู้ผลเลือดเร็ว ก็จะทำให้คลายความกังวลใจ ทั้งนี้หากคุณทำการตรวจเอชไอวีมาแล้วครั้งหนึ่ง ก็ควรตรวจซ้ำอีกครั้ง หลังจากมีความเสี่ยงในระยะเวลา 3-6 เดือน เพื่อยืนยันผลที่แน่นอน เลิกปิดกั้นตัวเองแล้วหันมารักษาสุขภาพทางเพศของคุณ ด้วยการตรวจเอชไอวีอย่างน้อยปีละ 2 ครั้งกันเถอะครับ

อ่านบทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจที่นี่