ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง อินสติ (INSTI) เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ช่วยลดอัตราผู้ติดเชื้อเอชไอวีได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งได้พัฒนาชุดตรวจโดยทีมงานมืออาชีพจากประเทศแคนาดา ที่สำคัญคือได้รับการรับรองจากหลากหลายหน่วยงาน เช่น Health Canada (กระทรวงสาธารณสุขประเทศแคนาดา) และผ่านมาตรฐานสากล WHO Pre-Qualified จากองค์กรอนามัยโลก ได้รับมาตรฐานจาก CE (European Conformity) ว่าเป็นสินค้าที่มีคุณสมบัติตามข้อกำหนดด้านสุขภาพ สามารถมั่นใจในความปลอดภัยและมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องของสหภาพยุโรปอีกด้วย
จุดเด่นของชุดตรวจเอชไอวี อินสติ (INSTI) ที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก คือความรวดเร็วและความแม่นยำในการตรวจ โดยใช้ระยะเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น ซึ่งเร็วกว่าชุดตรวจทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด มาพร้อมกับประสิทธิภาพที่ครอบคลุมทุกกระบวนการตรวจ ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบให้ใช้งานได้ง่าย ขั้นตอนการตรวจที่สะดวกไม่ยุ่งยาก อุปกรณ์ที่ใช้เป็นวัสดุที่ได้มาตรฐาน มีความปลอดภัยต่อผู้ตรวจและคนรอบข้าง ที่สำคัญคือคำนึงถึงการเข้าถึงได้ง่ายภายใต้ราคาที่คุ้มค่า
ความน่าเชื่อถือของชุดตรวจเอชไอวีในปัจจุบัน
เนื้อหาสรุป
อย่างที่ได้กล่าวไว้ข้างต้นเกี่ยวกับประเด็นที่ส่งผลให้ ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง ภายในประเทศไทยยังไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร เนื่องจากยังขาดความรู้ความเข้าใจทั้งในเรื่องของข้อเท็จจริงของเชื้อไวรัสเอชไอวี แนวทางการรักษาที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และความรู้ในการตรวจเบื้องต้น เป็นต้น ทั้งนี้ในด้านของทัศนคติต่อการติดเชื้อเอชไอวียังคงมีแง่ลบในสังคมอยู่พอสมควร ถึงแม้ว่าหลากหลายหน่วยงานได้รณรงค์ให้ความรู้อย่างต่อเนื่องก็ตาม หลายปัจจัยส่งผลทั้งทางตรงและทางอ้อมให้มุมมองต่อการตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง ยังคงมองว่าไม่มีความน่าเชื่อถือ แต่ข้อเท็จจริงในปัจจุบันมาตรฐานของการผลิตและการใช้งานของชุดตรวจถือว่ามีความแม่นยำมากกว่า 99% เมื่อเทียบกับการตรวจภายในสถานพยาบาล ด้วยการออกแบบให้ขั้นตอนการตรวจมีความสะดวก ทำได้เองง่าย ๆ โดยไม่ต้องอาศัยผู้อื่นช่วยแม้แต่นิดเดียว แนะนำให้ตรวจสอบสัญลักษณ์การรับรองมาตรฐานต่าง ๆ ก่อนตัดสินใจเลือกซื้อดังต่อไปนี้
- กระทรวงสาธารณสุข
- คณะกรรมการอาหารและยา
- มาตรฐานสากล WHO Pre-Qualified จากองค์กรอนามัยโลก
- ตัวแทนจำหน่ายได้รับใบอนุญาตอย่างถูกต้อง
- ช่องทางการจำหน่ายมีความเชื่อถือ
- ระบุแหล่งที่ผลิตและรายละเอียดต่าง ๆ ของตัวแทนจำหน่ายอย่างชัดเจน
ขั้นตอนการใช้งานชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง
ลำดับแรกก่อนการใช้งานชุดตรวจให้มีความแม่นยำมากที่สุด ผู้ตรวจควรทราบก่อนว่าอุปกรณ์การตรวจที่ให้มาทั้งหมดประกอบด้วยอะไรบ้าง เพื่อให้เข้าใจและพร้อมต่อการตรวจด้วยตนเอง จากนั้นต้องทราบว่าวิธีการตรวจเอชไอวีด้วยการเจาะเลือดมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง จนไปถึงสิ่งสุดท้ายที่พลาดไม่ได้นั่นก็คือความเข้าใจในรายละเอียดความหมายของการอ่านค่าผลลัพธ์ที่ได้จากชุดตรวจ โดยเนื้อหาแบบเจาะลึกในแต่ละส่วนที่ได้กล่าวมาเราได้รวบรวมมาไว้ให้ดังต่อไปนี้
- ส่วนประกอบของชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง อินสติ (INSTI)
- เอกสารคู่มือการใช้งานอย่างละเอียด จำนวน 1 ชุด
- เข็มเจาะเลือดที่ใช้สำหรับเจาะปลายนิ้ว จำนวน 1 ชิ้น
- กล่องชุดตรวจที่ใช้สำหรับการทดสอบ จำนวน 1 ชิ้น
- พลาสเตอร์ปิดแผลสำหรับปิดบริเวณปลายนิ้วหลังจากการเจาะ จำนวน 1 ชิ้น
- น้ำยาหมายเลข 1 (ฝาสีแดง) สำหรับเจือจาง ขนาด 1.5 มิลลิลิตร จำนวน 1 ขวด
- น้ำยาหมายเลข 2 (ฝาสีน้ำเงิน) สำหรับปรับสี ขนาด 1.5 มิลลิลิตร จำนวน 1 ขวด
- น้ำยาหมายเลข 3 (ฝาสีใส) สำหรับปรับความชัด ขนาด 1.5 มิลลิลิตร จำนวน 1 ขวด
วิธีการใช้งานชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง อินสติ (INSTI)
หลังจากที่ได้ทราบอุปกรณ์ทั้งหมดภายในชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง อินสติ (INSTI) แล้ว สิ่งสำคัญถัดมาคือการใช้งานให้ถูกต้องตามหลักการที่กำหนดไว้ ซึ่งจะแบ่งออกได้ทั้งหมด 3 กระบวนการหลัก ๆ ดังนี้
การจัดเตรียมอุปกรณ์
- ตรวจสอบความสมบูรณ์ของชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเองว่ามีความพร้อมต่อการใช้งานหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นลักษณะของอุปกรณ์ทุกชิ้น วันหมดอายุของชุดตรวจ และความเรียบร้อยของบรรจุภัณฑ์ต่าง ๆ
- หากภายในชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเองไม่ครบถ้วน หรือมีข้อผิดพลาดต่าง ๆ เกิดขึ้น ควรติดต่อผู้จำหน่ายโดยทันทีและไม่ควรใช้ชุดตรวจดังกล่าวเด็ดขาด
- อ่านเอกสารคู่มือการใช้งานให้เข้าใจและครบถ้วน
- ผู้ตรวจต้องล้างมือให้สะอาดและเช็ดให้แห้งก่อนเปิดบรรจุภัณฑ์
- จัดวางชุดตรวจไว้บนพื้นผิวที่เรียบไม่ขรุขระหรือเอียง
การเจาะเลือดจากปลายนิ้ว
- เตรียมน้ำยาหมายเลข 1 (ฝาสีแดง) โดยการเปิดฝาขวดและวางบริเวณพื้นผิวเรียบ
- เปิดฝาชุดเข็มสำหรับเจาะเลือดออก เพื่อให้พร้อมต่อการใช้งาน
- นวดคลึงบริเวณปลายนิ้วกลางในข้างที่ต้องการเจาะ เพื่อเป็นการกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด แนะนำให้ผู้ตรวจใช้แอลกอฮอล์เช็ดปลายนิ้วก่อนการเจาะเลือด
- ใช้มืออีกข้างหยิบเข็มวางบริเวณปลายนิ้วที่คลึง โดยให้ช่องเข็มแนบสนิทกับปลายนิ้ว และใช้หัวแม่มือกดปลายอุปกรณ์จนยุบลง (ได้ยินเสียง “คลิก” ถือว่าการเจาะสำเร็จ)
- ใช้มือข้างที่ถนัดบีบไล่เลือดจากโคนนิ้วไปจนถึงบริเวณที่เจาะ เพื่อให้ได้หยดเลือดขนาดใหญ่ขึ้น
- เมื่อได้หยดเลือดที่เพียงพอแล้ว ให้หยดลงในน้ำยาหมายเลข 1 (ฝาสีแดง) และให้รีบปิดฝาขวดทันที
- ปิดแผลเจาะเลือดด้วยพาสเตอร์ที่ให้มาภายในชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง
การทดสอบผลเลือด
- เขย่าน้ำยาหมายเลข 1 (ฝาสีแดง) โดยการเขย่าแนวตั้งฉากกับพื้นราบให้ฝาขวดน้ำยาตั้งขึ้นตลอดเวลาทั้งหมด 4 ครั้ง จากนั้นเทลงบนชุดตรวจให้หมดและรอจนกว่าน้ำยาจะซึมหายไปทั้งหมด
- เขย่าน้ำยาหมายเลข 2 (ฝาสีน้ำเงิน) โดยการเขย่าเช่นเดียวกัน จากนั้นเทน้ำยาลงชุดตรวจเอชไอวีให้หมดและรอจนกว่าน้ำยาจะซึมหายไปทั้งหมด
- เขย่าน้ำยาหมายเลข 3 (ฝาสีขาวใส) โดยการเขย่าเช่นเดียวกัน จากนั้นเทน้ำยาลงชุดตรวจเอชไอวีให้หมดและรอจนกว่าน้ำยาจะซึมหายไปทั้งหมด
การอ่านผลตรวจเอชไอวีจากชุดตรวจ อินสติ (INSTI)
เกิดปฏิกิริยา (Reactive) | ชุดตรวจเอชไอวีจะแสดงผลให้เห็นทั้งหมด 2 จุด ซึ่งมีความหมายว่าผู้ตรวจติดเชื้อเอชไอวีในร่างกาย ทั้งนี้อาจเกิดจากผลบวกปลอมได้เช่นเดียวกัน ดังนั้นควรเข้ารับการตรวจยืนยันโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอีกครั้ง |
ไม่เกิดปฏิกิริยา (Non-Reactive) | ชุดตรวจเอชไอวีจะแสดงผลให้เห็นทั้งหมด 1 จุด ซึ่งมีความหมายว่าผู้ตรวจไม่ติดเชื้อเอชไอวีในร่างกาย ทั้งนี้อาจเกิดจากระยะการตรวจที่อยู่ระหว่างระยะฟักตัว ที่ไม่สามารถตรวจพบแอนติบอดีในร่างกายได้ ดังนั้นผู้ตรวจควรทำการตรวจซ้ำอีกครั้งหลังจากนี้ 3 เดือน หรือปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อความมั่นใจ |
ไม่สามารถแปลผลได้ (Invalid Result) | ชุดตรวจเอชไอวีจะไม่แสดงผลให้เห็น หรือ ปรากฏเฉพาะจุดห่างจากตัว C เท่านั้น ซึ่งมีความหมายว่าอาจเกิดจากความผิดพลาดบางอย่าง หรือ เกิดจากปริมาณเลือดที่ตรวจไม่เพียงพอ หรือ กระบวนการตรวจไม่ถูกต้องตามที่กำหนด ทั้งนี้ผู้ตรวจควรทำการตรวจอีกครั้งโดยเร็วที่สุด |
สำหรับผู้ที่ต้องการใช้ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง อินสติ (INSTI) และต้องการศึกษาการใช้งานอย่างละเอียดนอกเหนือจากการอ่านคู่มือแล้ว ยังสามารถเข้าชมวิดีโอตัวอย่างได้จาก https://www.youtube.com/watch?v=hwT-BYmVN7g หรือ สอบถามผู้จำหน่ายได้ตลอดเวลาทำการ